นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีทิศทางที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากช่วงที่ผ่านมาได้รับปัจจัยหนุนจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ส่งผลให้อุปทาน (Supply) หายไป หนุนให้ราคาหมูปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างสูง และปัจจุบันยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ประชาชนจึงหันมาบริโภคเนื้อไก่มากขึ้น หนุนให้ราคาไก่ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับราคาหมูด้วย
ในขณะเดียวกันยังเกิดปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดการส่งออกมีการฟื้นตัวได้อย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับสงความระหว่างประเทศยูเครน และ รัสเซีย ที่มีผลค่อนข้างมาก เนื่องจากยูเครนเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่หลักให้แก่สหภาพยุโรป ส่งผลให้การส่งออกของไก่ไทยเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยต่างๆยังคงอยู่
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราค่าขนส่งทางเรือที่ปรับตัวลดลงมา 10-20% ในขณะเดียวกันค่าเงินบาทยังอ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่องใกล้แตะระดับ 38 บาท เป็นปัจจัยหนุนต่อภาพรวมการส่งออกของบริษัท
"ปัจจัยต่างๆที่สนับสนุนให้ราคาไก่ ราคาหมู และความต้องการไก่ ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ยังไม่หายไปไหน จึงยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้ทิศทางผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าสถานการณ์ขาดแคลนอาหารยังคงมีอยู่อย่างน้อยจนถึงต้นปี 66 "นายเพชร กล่าว
สำหรับต้นทุนด้านวัตถุดิบในปีนี้ ถือว่าปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนราว 20-30% แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้ราคาวัตถุดิบจะค่อยๆปรับตัวลดลงมา โดยมองว่าราคาได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วเมื่อปลายไตรมาส 2/65 - ต้นไตรมาส 3/65 ซึ่งมองว่าในปี 66 ราคาวัตถุดิบจะปรับตัวลดลงไปอีก 5-10%
นายเพชร กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมรายได้ปี 65 จะอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท เติบโตราว 20-25% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้ 35,074.25 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนทั้งจากราคาขายที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และ ปริมาณการขายที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง