นายศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนเข้าประมูลงานโครงการโรงไฟฟ้าฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมีความสนใจเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน (ระยะที่ 2) กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 37.7 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า TES TCN จ.สมุทรสาคร ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีการเข้าประมูลไปแล้วเมื่อเดือน มิ.ย.65 โดยอยู่ระหว่างรอประกาศผล คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในในเร็วๆ นี้
โครงการโรงไฟฟ้า TES CNT จ.ชัยนาท ขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ คาดจะเปิดให้เข้าประมูลในเดือน ต.ค.65 และโครงการโรงไฟฟ้า TES PRI จ.ปราจีนบุรี ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างขั้นตอนเทคนิคการจัดทำข้อกำหนดโครงการ (TOR) รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้า TES UBN จ.อุบลราชธานี ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ จะเข้าไปประมูลในต้นปี 66 ซึ่งหากสามารถชนะทั้งหมด 4 โครงการ จะเป็นไปตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัทฯ
สำหรับเป้าหมายกำลังการผลิต ปัจจุบันบริษัทฯ มีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการยื่นขอทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนระยะที่ 1 จำนวน 3 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 22 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน TES SKW สระแก้ว กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน TES RBR ราชบุรี กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน TES CPN ชุมพร กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ โดยคาดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในต้นปี 66 หากดำเนินการได้ตามแผนจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างราว 20 เดือน และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ระยะที่ 1 เข้ามาในปี 67 ส่งผลให้ในปี 67 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็น 51.7 เมกะวัตต์
ขณะที่ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 70) บริษัทฯ ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตติดตั้งเติบโตกว่า 100 เมกะวัตต์ จากการ COD โรงไฟฟ้าขยะชุมชนระยะที่ 2 อีก 4 โครงการ และในปี 75 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตติดตั้งเกิน 200 เมกะวัตต์ จากการขยายกำลังการผลิตที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตในมือแล้ว 90 เมกะวัตต์, การแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีความร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยหลายที่ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี ในแง่ของการประหยัดต้นทุน, ศึกษาลงทุนใน New s curve คาดจะเห็นความชัดเจนได้ในเร็วๆ นี้ และการขยายธุรกิจร่วมกันกับพันธมิตร ซึ่งจากแผนการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว จะหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้จะเติบโต เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 807.50 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้รวมแล้ว 467.88 ล้านบาท จากรายได้การขายไฟฟ้า รายได้ขายไอน้ำ รายได้การกำจัดขยะ และรายได้การบันทึกบัญชี ตามลำดับ เนื่องจากสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ TGE, TPG และ TBP
โดยเฉพาะโครงการ TBP ที่บริษัทเพิ่งเริ่ม COD ในช่วงกลางปี 64 และจะรับรู้รายได้เต็มปี 65 ขณะเดียวกันโครงการ TBP ยังสามารถสร้างรายได้จากการขายไอน้ำที่ซัพพลายให้กลุ่มอุตสาหกรรมท่าฉาง ซึ่งในปี 64 มีรายได้กว่า 60 ล้านบาท แต่ครึ่งปีแรกของปีนี้ มีรายได้แล้ว 60 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการจำกัดขยะ บริษัทมีรายได้ 450 ถึง 600 บาทต่อตัน ซึ่งในแต่ละวันจะมีขยะเข้ามา 450 ถึง 500 ตันต่อวัน และในอนาคตอันใกล้ตั้งแต่ปี 67 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการ COD โรงไฟฟ้าขยะเพิ่มขึ้น