BMCL คาดปี 51 รายได้โตสูงกว่าเป้า 10% หากได้ปรับขึ้นค่าโดยสาร ก.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 31, 2008 16:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) คาดว่าจะได้รับคำตอบจากภาครัฐกรณีที่ได้ยื่นขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารตามข้อสัญญาภายในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อจะมีผลในวันที่ 3 ก.ค.51 ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทภายในปีนี้เติบโตได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10% ขณะที่คาดว่าปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนเที่ยว/วัน 
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ BMCL กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นเรื่องกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารจะเริ่มต้นมาที่ 16 บาท จากเดิม 15 บาท และอัตราสูงสุดเพิ่มเป็น 41 บาท จากเดิม 39 บาท เชื่อว่ารฟม.จะไม่มีปัญหาในการปรับขึ้นเพราะเป็นข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาสัมปทานอยู่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ แม้ว่าขณะนี้ค่าครองชีพของประชาชนได้ปรับเพิ่มขึ้นไปมาก และเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจจะคิดชะลอปรับขึ้นค่าโดยสาร แต่การที่บริษัทขอปรับขึ้นค่าโดยสารก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะเป็นการปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริง จึงเชื่อว่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติโดยไม่มีปัญหา
นายสมบัติ กล่าวว่า หากการปรับขึ้นราคาเป็นไปตามที่บริษัทคาดไว้ ก็น่าจะทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.4 พันล้านบาท และน่าจะทำให้บริษัทมีผลขาดทุนลดลงกว่า 10% จากปีก่อนที่ขาดทุน 1.48 พันล้านบาทเช่นกัน โดยในช่วงไตรมาส 1/51 รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นราว 10% จากไตรมาส 1/50
ประกอบกับ บริษัทคาดว่าจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยในปีนี้น่าจะสูงขึ้นเป็น 2 แสนเที่ยว/วันตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งจากการที่มีคอนโดมิเนียมและโครงการคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินมากขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อจำนวนผู้โดยสารด้วย
ส่วนโครงการการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงของภาครัฐนั้น บริษัทมีความพร้อมที่จะเสนอตัวเป็นผู้รับสัมปทานการเดินรถหรือรับจ้างบริหารจัดการการเดินรถ ขึ้นกับรัฐบาลว่าจะพิจารณารูปแบบอย่างไร
ทั้งนี้ หากส่วนต่อขยายดังกล่าวแล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า ก็น่าจะส่งผลดีต่อระบบรถไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งคาดว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนเที่ยว/วัน และจะทำให้บริษัทเข้าสู่จุดคุ้มทุนได้
นายสมบัติ ยังกล่าวอีกว่า ในด้านรายได้จากการให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนั้น มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้รายได้ในส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 100 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักจะมาจากการให้เช่าร้านค้า และ ค่าเช่าป้ายโฆษณา โดยภายในกลางปีนี้บริษัทจะเปิดพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีกำแพงเพชรเพิ่มอีก 1 แห่งจากที่เปิดพื้นที่ในสถานีสวนจตุจักรไปแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ