นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่ง Filing ในการอนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ WHART สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 7 จำนวนไม่เกิน 245 ล้านหน่วย เพื่อลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 8 ในอสังหาริมทรัพย์ สิทธิการเช่าและสิทธิการเช่าช่วงของอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,050.86 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565
สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วยการลงทุนในทรัพย์สินของกลุ่มบมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) โดยแต่ละโครงการมีความโดดเด่นด้านทำเลศักยภาพที่เป็นจุดเชื่อมต่อด้านการขนส่งสินค้าในประเทศไทยอยู่ใกล้กรุงเทพ และพื้นที่ EEC สามารถเชื่อมต่อทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวก จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย
- โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค3 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 34,001.00 ตารางเมตร
- โครงการดับบลิวเอชเอ ซิกโนด แฟคทอรี่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 8,151.00 ตารางเมตร
- โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 30,311.00 ตารางเมตร
- โครงการดับบลิวเอชเอ-เคพีเอ็น เมกกะโลจิสติกส์เซ็นเตอร์บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 2 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 19,796.00 ตารางเมตร
- โครงการดับบลิวเอชเอ เซ็นทรัล เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ วังน้อย 63 ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 67,704.00 ตารางเมตร
"พื้นที่เช่าอาคารรวม 5 โครงการ จำนวน 159,963 ตารางเมตร มีผู้เช่าหลักเป็นบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียง เช่น บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด, บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น ภายหลังจากการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ จะส่งผลให้ กองทรัสต์ WHART มีการลงทุนในทรัพย์สินหลักรวมทั้งสิ้นเป็น 39 โครงการ จากทรัพย์สิน ณ ปัจจุบันจำนวน 34 โครงการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกองทรัสต์ WHART ที่ลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพระดับพรีเมี่ยมทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยมี ดับบลิวเอชเอกรุ๊ปเป็นผู้สนับสนุนหลักและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการบริหารทรัพย์สิน"
ภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้แล้วเสร็จ จะส่งผลให้ กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ แตะที่ระดับกว่าประมาณ 51,956.40 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1,743,696.80ตารางเมตร พื้นที่ส่วนที่จอดรถ 32,650.19 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคา 450,777.29 ตารางเมตร ซึ่งทำให้กองทรัสต์ WHART เป็นกองทรัสต์ Industrial ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมใหญ่ที่สุดในไทย โดดเด่นด้วยทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และความหลากหลายของกลุ่มผู้เช่า มีสัญญาเช่าระยะยาว
"การเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ ที่มีสัญญาเฉลี่ยระยะยาวโดยกลุ่มผู้เช่าในกลุ่มธุรกิจที่มั่นคงและเติบโต โดยภายหลังการเข้าลงทุนกองทรัสต์จะมีผู้เช่ากลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (3PLs) ในสัดส่วนร้อยละ 42 ของรายได้เฉพาะพื้นที่ส่วนที่มีผู้เช่า กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ในสัดส่วนร้อยละ 20 ของรายได้เฉพาะพื้นที่ส่วนที่มีผู้เช่า และกลุ่มการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ในสัดส่วนร้อยละ 15 ของรายได้เฉพาะพื้นที่ส่วนที่มีผู้เช่า"
นอกจากนี้กองทรัสต์ WHART ได้มีประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งที่ 8 เท่ากับ 0.80 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากทรัพย์สินเดิมของกองทรัสต์ WHART สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน ซึ่งเท่ากับ 0.78 บาทต่อหน่วย
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ WHART ยังคงอยู่ในระดับที่ดีเนื่องจากกลุ่มผู้เช่าพื้นที่หลักของสินทรัพย์ที่อยู่ในกองทรัสต์ WHART นั้น เป็นกลุ่มผู้เช่าที่ดำเนินธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ, โลจิสติกส์ และสินค้าอุปโภค-บริโภคเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้รับอานิสงส์จากวิกฤตการณ์ดังกล่าว และมีการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจากกรณีดังกล่าวส่งผลให้ที่ผ่านมา กองทรัสต์ WHART สามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยอยู่ในระดับที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 มาโดยตลอด ควบคู่กับความสามารถในการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้อย่างสม่ำเสมอ
"ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 กองทรัสต์ WHART มีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 92 ประกอบกับอัตราการต่อสัญญาเช่าพื้นที่เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมทั้งเชื่อว่าหลังจากนี้หากมีการเปิดประเทศ นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมได้สะดวก จะส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศเติบโตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อกองทรัสต์ WHART ด้วยเช่นเดียวกัน"