นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น(TRC) คาดว่า ในปีนี้บริษัทจะทำรายได้สูงขึ้นเป็น 2.4 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวมาที่ 200 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มีงานในมือ(backlog)ทะลุเป้ามาที่ 2.1 พันล้านบาทแล้ว ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1.6 พันล้านบาท ขณะที่มีแนวโน้มการขยายงานในต่างประเทศทั้งในตะวันออกกลางและอาฟริกา โดยเฉพาะไนจีเรียที่คาดว่าจะเห็นโอกาสในไตรมาส 3/51
"มองเป้าที่วางไว้ 2.4 พันล้านบาทไม่น่าจะยาก ถึงแม้ในไตรมาส 1 รายได้จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายจากการลงทุนสูงแต่ไตรมาส 2-4 น่าจะดีขึ้น"นายสมัย กล่าว
อนึ่ง ในปี 50 บริษัทมีรายได้ 1,607.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 95.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ก.พ.51 บริษัทมีงานในมือ(backlog)รวม 13 โครงการ รวมรายได้ที่ยังไม่ได้รับรู้จำนวน 2,135 ล้านบาท ไม่รวมโครงการท่อน้ำประแสร์ที่เป็นโครงการร่วมระหว่างกันออก โดยเป็นงานของ TRC จำนวน 10 โครงการ มูลค่าราว 1.5 พันล้านบาท และเป็นงานของบริษัท สหการวิศวกร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ 4 โครงการ มีมูลค่างาน 610 ล้านบาท
งานในมือดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ได้รับในปี 51 จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการงานโครงสร้างสถาปัตยกรรมโครงการมาลิบู เขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าโครงการ 398 ล้านบาท และโครงการ Civil Infrastructure for process plant, ไทยโพลีเอททิลีน มูลค่างาน 41 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทกำลังจะเข้าประมูลโครงการประเภทพลังงานและปิโตรเคมี มูลค่างาน 6,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้รับงานประมาณ 30% ของมูลค่าที่เข้าประมูล
นายสมัย กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจหลักของ สหการวิศวกร อยู่ในธุรกิจ Pipeline และ Process Plant อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งมีแนวโน้มในช่วงขาขึ้นตามความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันที่ราคาปรับสูงขึ้น จึงทำให้ธุรกิจหลักของบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตได้เป็นอย่างดีดังกล่าว
"ต้นเดือน เม.ย.คาดว่าจะสามารถเซ็น MOU โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP (โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก) ที่ลาดกระบัง มูลค่า 2 พันล้านบาทกับ EGCO ( บมจ. ผลิตไฟฟ้า ) และบริษัทผลิตพลังงานยักษ์ใหญ่ภายในประเทศ โดยที่บริษัท TRC จะเข้าถือหุ้นในโครงการนี้ประมาณ 30%" นายสมัย กล่าว
TRC ยังมีนโยบายที่จะขยายงานออกสู่ต่างประเทศภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นงานในด้าน Pipeline, Fabrication และ Water Desalination ภายใต้ความร่วมมือกับ China National Petroleum Corporation(CNPC) ซึ่งเป็นผู้นำด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดของจีน และงานTurnkey Desalination ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด ซึ่งจะทำให้การสร้างรายได้กว้างขวางขึ้น
นายสมัย กล่าวว่า ในขณะนี้ TRC ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นสามารถประมูลงานทางด้าน Oil and Gas ในประเทศโอมานในวงเงิน 20-100 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่คาดว่างานที่โอมานจะได้ในปีหน้า แต่ขณะนี้คิดว่าจะได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ แผนที่จะขยายงานเข้าไปในไนจีเรีย จะมีเซอร์ไพร์สในไตรมาส 3/51 ซึ่งเป็นงานขนาดใหญ่
TRC มีแผนปรับเปลี่ยนโครงสร้างของธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อแทนสัดส่วนธุรกิจรับเหมาฯที่ปัจจุบันรับเหมาฯ 100% โดยตั้งเป้าสัดส่วนมาจากพลังงานไฟฟ้า 50% ใน 2 ปีข้างหน้าหลังจากที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในโครงการโรงไฟฟ้าที่ลาดกระบังและโครงการเขื่อนสตึงนำ กัมพูชา และเชื่อว่าเมื่อมีรายได้ดังกล่าวเข้ามาจะทำให้มีรายได้โตก้าวกระโดดในปี 52 จากปีนี้ที่มีรายได้ 2,000 ล้านบาท
"เราอยากที่จะมีโครงสร้างจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเข้ามามากขึ้นแทนธุรกิจรับเหมาแม้มาร์จินธุรกิจรับเหมาฯจะมากกว่าแต่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจะทำให้มีรายได้ที่แน่นอนและกินระยะยาว และที่ผ่านมางานรับเหมาฯก็ล่าช้าถือว่าเป็นความเสี่ยงเหมือนกัน"นายสมัย กล่าว
ส่วนสาเหตุที่ปีนี้จ่ายปันผลส่วนหนึ่งเป็นหุ้น เนื่องจากบริษัทจะนำเงินไปลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ที่ประมูลได้ โดยเม็ดเงินประมาณ 150-200 ล้านบาท ก็จะนำไปใช้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ลาดกระบัง จากเงินลงทุนทั้งโครงการ 60 ล้านเหรียญฯ ซึ่งขณะนี้ได้พาร์ทเนอร์ 1 รายแล้วคาดว่าจะเซ็น MOU ในเม.ย.นี้ และคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างได้ปลายปีนี้โดยโครงการจะมีกำลังการผลิตที่ 45-55 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการเขื่อนสตึงนำจะต้องหาผู้ร่วมทุนเข้ามาด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาโครงการนี้ได้มีการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาในเบื้องต้นแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--