บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) ชูธุรกิจแห่งอนาคต "Data Center" หัวใจสำคัญในการจัดเก็บข้อมูล เน้นลูกค้ารายใหญ่ พร้อมขยายฐานตลาดสู่รายย่อย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน มั่นใจรายได้ตามเป้าที่ 3.2 พันล้านบาท
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITEL เปิดเผยกับ "อินโฟเควส์" ว่า ปัจจุบัน ITEL ประกอบธุรกิจหลักอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ 1. การให้บริการโครงข่ายความเร็วสูง เชื่อมต่ออีกจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง 2. ศูนย์รับฝากข้อมูล (Data Center) ให้บริการเก็บข้อมูลแก่ลูกค้าทั้งในภาคธุรกิจ เอกชนและรัฐบาล และ 3. ธุรกิจรับงานติดตั้ง รับงานติดตั้งทั่วประเทศไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีกลุ่มลูกค้า คือค่ายมือถือต่าง ๆ หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ
"ทุกวันนี้ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทุกคนต่างมีข้อมูลเป็นของตัวเอง เช่น เราถ่ายรูปเก็บไว้เรื่อย ๆ เราก็ต้องการ Memory ที่เยอะขึ้น มากขึ้น ในอดีตเราอาจนำข้อมูลเหล่านี้เก็บไว้ใน harddisk แต่ปัจจุบันมีการ upload ข้อมูลเก็บใน Cloud ทำให้เราสามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาไว้มาใช้ได้ทุกเมื่อ" นายณัฐนัย กล่าว
ท่ามกลางการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ไม่มีวันหยุด ITEL มุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดในธุรกิจ "Data Center" โดยฐานลูกค้าในส่วนของ Data Center เราเน้นที่ลูกค้าองค์กรเป็นหลัก โดยเน้นที่องค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ บริการที่มีคุณภาพ ซึ่งเรามีลูกค้าในกลุ่มที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น ลูกค้าในกลุ่มธนาคาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หรือประชาชนในหมู่มาก เช่นโครงการ ชิม ช้อป ใช้ โครงการลักษณะนี้จะต้องใช้ศูนย์บริการที่ดีและข้อมูลจำนวนมาก
หากพูดถึงการแข่งขันในตลาด บริการศูนย์รับฝากข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทยมีหลากหลาย scale (ขนาด) หลากหลายรูปแบบ แต่ segment กลุ่มที่เราอยู่ยังไม่สูงมาก เพราะการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ต้องอาศัยความไว้วางใจค่อนข้างมาก คู่แข่งจึงมีแค่ 3-4 ราย แต่เราเชื่อว่าในอนาคตก็จะมีผู้ใหญ่ ๆ ใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
"แผนในอนาคต ต้องบอกว่าเรามองลูกค้าทุกกลุ่ม แต่ว่ากลุ่มที่เราสนใจและให้ความสำคัญเป็นหลักก็ยังเป็นกลุ่มธนาคาร และ Hyper Scaler เป็นหลัก คือลูกค้าขนาดใหญ่ของโลก เช่น Microsoft, Google, Facebook, Amazon, Alibaba เป็นต้น"
ธุรกิจ Data Center ของบริษัทเริ่มต้นมีพื้นที่จัดเก็บเครื่อง Server 348 แร็ค ปริมาณไฟฟ้าที่ให้บริการได้อยู่ที่ 1.2 เมกะวัตต์ ปัจจุบันเรามีลูกค้าที่เป็น Wholesaler และ Retailer ซึ่งได้ให้บริการเต็มพื้นที่แล้ว และได้มีการลงทุนใน บริษัท เอทิกซ์ ไอเทล แบงค็อก จำกัด สร้าง Data Center แห่งแรก เรียกว่า ETIX Data Center 1 โดยตั้งใจให้บริการไฟฟ้าอยู่ที่ 3.9-4.2 เมกะวัตต์ สามารถพื้นที่จัดเก็บเครื่อง server ได้ถึง 1,000 แร็ค ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการอยู่ที่ 30-40% ของพื้นที่ให้บริการ
นายณัฐนัย มองว่า ธุรกิจ Data Center กำลังขยายตัวต่อเนื่อง เราให้ความสำคัญ และอยู่ระหว่างพิจารณาแผนเพื่อลงทุนอีก 15 เมกะวัตต์ ซึ่งนับว่าใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก 3-4 เท่า เพื่อรองรับลูกค้าที่เป็น Hyperscaler หากเทียบกับสังคม การใช้ชีวิต การทำธุรกิจในปัจจุบัน เรามีการใช้ข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลค่อนข้างมาก ซึ่งบริการนี้ก็จะเอามารองรับลูกค้าองค์กรเป็นหลัก
นอกจากความร่วมมือกับ "ETIX" ซึ่งเป็นบริษัทต่างประเทศ และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย รวมถึง Global Datacenter group ซึ่งจดทะเบียนในออสเตรเลียเช่นกัน (เป็นลักษณะ JV) ยังมีบริษัทที่ทำ M&A คือบริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญใน Hardware และการวางระบบ ซึ่งงานนี้เป็นงานในลักษณะ Project based เราได้เข้าไปถือหุ้น 51% และผลักดันให้มีการรับงานโครงการต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันเรายังเน้นงานที่เป็นกลุ่มราชการ ที่เริ่มมีการใช้งาน Digital Economy, Digital Transformation ซึ่งบริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด ก็ทำได้ดี โดยเรามีแผนที่จะผลักดันบริษัทเข้าตลาดให้ได้ภายในกลางปีหน้า
นอกจากนี้ ITEL ยังสนใจใน Big Data, Social Data, งาน CRM ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันได้คุยกับบริษัท ไวซ์ไซท์ จำกัด (Wise Sight) ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของ Data Analytic และ Social ซึ่งเรามองว่าจะเป็นส่วนสำคัญ เพราะสามารถนำข้อมูลจากคอมเมนต์เหล่านี้มาประเมินเทรนด์ตลาด หรือเทรนด์ต่อไป เพื่อวางแผนการตลาดในอนาคตได้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบน Social เป็นส่วนใหญ่
"ในอนาคต บริษัทขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ จำเป็นต้องปรับตัวเข้าหา Big Data หมด ธุรกิจของเราจะเป็นส่วนหนึ่งในรากฐานสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตเหล่านั้น"
https://youtu.be/M7M-LBjNkEY