ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับดัชนีภาคธุรกิจในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 46.49 จุด หรือ 0.38% แตะระดับ 12,262.89 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 7.48 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1,322.70 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 17.92 จุด หรือ 0.79% แตะระดับ 2,279.10 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.58 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันศุกร์ที่ 1.35 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 หุ้น
ดัชนีของสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเขตชิคาโก หรือดัชนี Chicago PMI บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจในแถบมิดเวสต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 48.2 จุดในเดือนมี.ค. จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 44.5 จุด ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ดาวโจนส์ นิวส์ไวร์คาดว่าจะอยู่ที่ 47.3 จุด
สก็อต เว็น นักวิเคราะห์จากบริษัทเอจี เอ็ดเวิร์ด แอนด์ ซัน กล่าวว่า "ตลาดมีปฏิกริยาในด้านบวกต่อดัชนีภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่ปลีกตัวออกนอกตลาดเพราะมองว่า ดัชนีภาคธุรกิจที่ระดับต่ำกว่า 50 จุดสะท้อนให้เห็นว่ายังอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างบางเบา และเนื่องจากภาวะการซื้อขายในวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.เป็นวันสุดท้ายของไตรมาสแรก จึงมีนักลงทุนสถาบันบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้าซื้อเพื่อตกแต่งหน้าต่างบัญชี"
"นักลงทุนจับตาดูแผนยกเครื่องกฏข้อบังคับที่มีต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีท ซึ่งนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐเป็นผู้เสนอแผนการดังกล่าว โดยหนึ่งในเป้าหมายของแผนนี้คือการเพิ่มสิทธิอำนาจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้เข้ามากำกับดูแลระบบการเงินภายในประเทศ" เว็นกล่าว
นอกจากนี เว็นกล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมี.ค. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์ของเลห์แมน บราเธอร์สคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐจะร่วงลงอีก 50,000 อัตราในเดือนมี.ค. ซึ่งจะเป็นสัญญาณครั้งใหม่ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
อีธาน แฮร์ริส หัวหน้านักวิเคราะห์ของเลห์แมน บราเธอร์สในกรุงนิวยอร์กกล่าว่า "เราเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะถดถอยแล้วในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้ตลาดแรงงานสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนัก โดยคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะร่วงลงต่อเนื่องจนถึงกลางปีหน้า"
ก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราจ้างงานเดือนก.พ.ที่ปรับตัวลดลง 63,000 อัตรา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2546 สวนทางกับที่นักวิเคระห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 25,000 อัตรา สำนักข่าวธอมสัน
ทั้งนี้ หุ้นซิตี้กรุ๊ปิดพุ่งขึ้เน 2.8% หลังจากมีข่าวว่าซิตี้วางแผนจะแยกธุรกิจธนาคารออกจากธุรกิจบัตรเครดิต โดยมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนและปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความซับซ้อนน้อยลง
ขณะที่หุ้นเมิร์ก แอนด์ โค ร่วงลง 15% หุ้นเชอริ่ง พลาวจ์ อิงค์ ดิ่งลง 26% หลังจากแผนกวิจัยทางการแพทย์ของบริษัททั้ง 2 ไม่สามารถพัฒนายา Vytorin ให้รักษาโรคหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพได้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--