นางสาวสุนิสา จิระวุฒิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) เปิดเผยว่าแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 65 น่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลยังคงมีการเติบโตที่ดี มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างคึกคัก ขณะที่ธุรกิจผลิตน้ำประปาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และเตรียมขยายธุรกิจผลิตน้ำประปาเพิ่ม หลังจากบริษัทฯได้รับหนังสืออนุญาตใช้น้ำจากกรมชลประทานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บริษํทดำเนินธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิลผ่าน บริษัท เอ.พี.ดับเบิลยู. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (A.P.W.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ UREKA ถือหุ้น 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับเพิ่มการผลิตอีกเท่าตัว จากปัจจุบันใช้กำลังการผลิต 40% เพิ่มขึ้นเป็น 80% หลังจากสถานการณ์การขนส่งปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่และมีความต้องการเม็ดพลาสติกในปริมาณสูง ทำให้บริษัทต้องขยายการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มากขึ้นหลายเท่าตัว และถือเป็นสัญญาณที่ดีสนับสนุนให้ยอดขายสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ขณะเดียวกันธุรกิจผลิตน้ำประปา บริษัทมีแผนจะรุกขยายโครงการผลิตน้ำประปาเฟส 2 เพิ่ม หลังจากเฟส 1 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทได้รับสัมปทานจำหน่ายน้ำประปาระยะเวลาสูงสุด 20 ปี ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท โมเดิร์น ซินเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เซ็นสัญญาจำหน่ายน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาค (กปน.) 2 สัญญา มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีรายได้ประจำเข้ามาสม่ำเสมอ และถือเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้มากขึ้น ทั้งนี้โครงการผลิตน้ำประปาเฟส 2 อยู่ในขั้นตอนการเตรียมเตรียมความพร้อม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้
"ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสดใส เพราะทั้งธุรกิจเม็ดพลาสติก และผลิตน้ำประปามีการเติบโตมากขึ้น ทำให้บริษัทฯต้องขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจน้ำประปา จะทยอยสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นรายได้ประจำสม่ำเสมอในระยะยาว ช่วยทำให้บริษัทฯมีความมั่นคงในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต"
นอกจากจะมุ่งเน้นเรื่อง Organic Growth เพื่อขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯแล้ว ยังมีการใช้กลยุทธ์พัฒนา Inorganic Growth หรือ M&A เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทฯมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากได้ระดมทุนจากกองทุนต่างชาติ ซึ่งช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินของของกลุ่มบริษัทให้มีความแข็งแรง รวมถึงช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในการลงทุนในโครงการใหม่ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ตลอดจนสามารถสนับสนุนให้บริษัทฯมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดภายใน 1-2 ปีนี้
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวมอยู่ที่ 137.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,429% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีรายได้รวมเท่ากับ 9.02 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 267% จากงวดเดียวกันปีก่อนขาดทุนจำนวน 31.77 ล้านบาท ถือเป็นการกลับมาเทิร์นอะราวด์ และเข้าสู่โหมดการเติบโตได้อย่างชัดเจน