นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ จับจังหวะเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#7 (TEQT5M7) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน เปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 4-6 ตุลาคม 65 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสสร้างกำไรจากดัชนีหุ้นไทยที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของทุกปีเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมักจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ไหลเข้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง บวกกับการเมืองไทยที่กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งภายในกลางปีหน้า ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดี โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่าเศรษฐกิจปี 65 จะเติบโต 3.3% และปี 2566 จะเติบโต 3.8% เช่นเดียวกับธนาคารโลก (World Bank) มีมุมมองดีขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าปี 65 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.1% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 2.9%
"ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐานลงมาในระดับใกล้เคียง 1,600 จุด อย่างไรก็ดี บลจ.ทิสโก้เชื่อว่าการย่อตัวลงนี้เป็นโอกาสเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงมีทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก
โดยเฉพาะการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไหลเข้าประเทศไทยมากกว่าเดือนละล้านคน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่หลายประเทศเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวออกนอกประเทศโดยที่ไม่ต้องกักตัวเมื่อกลับเข้าประเทศ ขณะที่ประเทศจีนมีโอกาสเริ่มเปิดประเทศภายในกลางปีหน้า
ประกอบกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รุนแรงเหมือนในสหรัฐฯ และยุโรป และมองว่าเงินเฟ้อที่จะเริ่มชะลอตัวเมื่อเวลาผ่านไป และเศรษฐกิจคาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 3-4% ในปีนี้ถึงปีหน้า" นายสาห์รัชกล่าว
นอกจากนี้ ในแง่ของมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นไทย ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ณ วันที่ 27 กันยายนซื้อขายในระดับอัตราราคาปิดต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน ที่ 14.96 เท่า ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ส่วนคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นปี 65/66 อยู่ที่ 5.5% และยังมีโอกาสที่กำไรบริษัทจดทะเบียนไทยจะถูกปรับขึ้นอีก