SISB ปรับขึ้น 5.23% หรือ เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มาที่ 18.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 94.71 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.37 น. จากราคาเปิด 17.30 บาท ราคาสูงสุด 18.30 บาท และราคาต่ำสุด 17.30 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่า กำไรสุทธิ บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) จะอยู่ที่ 89 ล้านบาท (+92.2% YoY, +13.4% QoQ) สะท้อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการกลับมาทำการเรียนการสอนในโรงเรียนได้ตามปกติ โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากค่าธรรมเนียมการศึกษากลับมาอยู่ระดับปกติตั้งแต่เดือน ม.ค.65 จากที่เคยให้ส่วนลด 5%-15% ในเทอม 1 (ส.ค.-ธ.ค.64) และจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 คน (+31.9% YoY, +9.8% QoQ) จากการกลับมาทำการเรียนการสอนในโรงเรียน
ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 3/65 คาดว่าจะคิดเป็น 26.6% ของประมาณการกำไรใหม่สำหรับปี 65 ของเราที่ 334 ล้านบาท โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 49.4% จาก 45.1% ในไตรมาส 3/64 และ 48.9% ในไตรมาส 2/65
สรุปแล้วคาดว่าผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/65 จะได้แรงหนุนจากฐานนักเรียนที่มั่นคง, จำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น และไม่มีการให้ส่วนลดค่าเล่าเรียน ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 65 จะอยู่ที่ 230 ล้านบาท คิดเป็น 68.9% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
ทั้งนี้ ยังมองบวกกับแนวโน้มการเติบโตของ SISB ซึ่งจะถูกขับเคลื่อนอย่างมีนัยสำคัญจากการกลับเข้าทำการเรียนการสอนในโรงเรียนในปีนี้ ซึ่งทำให้ได้รับการตอบรับในเชิงบวกโดยมีจำนวนนักเรียนที่เข้าชั้นเรียนเกือบเต็ม 100% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด (จากที่ต้องเรียนออนไลน์ในไตรมาส 3/64)
สำหรับในปี 66 เราปรับเพิ่มจำนวนนักเรียนเป็น 600 คน (เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมอีก 100 คน) ซึ่งจะทำให้จำนวนนักเรียนรวมในปีหน้าอยู่ที่ 3,550 คน ทั้งนี้ จำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นจะมาจากโรงเรียนใหม่สองแห่ง (ประมาณ 300 คนจากนนทบุรีเฟส 1 และระยอง เฟส 1) และโรงเรียนเดิม (ประมาณ 300 คน)
เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทแข็งแกร่งเกินคาดและจำนวนนักเรียนมีแนวโน้มจะสูงเกินคาดในครึ่งปีหลังปี 65 และในปี 66 เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นอีก 8.5% เป็น 334 ล้านบาท (+60.1% YoY) และปี 66 ขึ้นอีก 12.6% เป็น 451 ล้านบาท (+35.0% YoY) โดยปรับสมมติฐานจำนวนนักเรียนปี 66 เป็น 3,550 คน (จากเดิม 3,450 คน) อัตรากำไรขั้นต้น เป็น 49.5% จาก 49.0% ในปี 65F และ สัดส่วน SG&A/รายได้ ปี 65-66 เป็น 24.0% และ 23.5% ตามลำดับ (จาก 25%)
ยังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ใหม่ปี 66 ที่ 20.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 9%, TG ที่ 3%) คิดเป็น PE ที่ 42.7x หรือ +0.25 S.D.) จากเดิมที่ 17 บาท (39.7x จาก PE เฉลี่ยห้าปีย้อนหลัง)