SCB มองโอกาส M&A เสริมศักยภาพ ทยอย spin-off ธุรกิจในเครือ-สร้างยูนิคอร์น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 4, 2022 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการทำดีล M&A เพื่อนำธุรกิจที่ดีเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพและต่อยอดธุรกิจในเครือ โดยมองหาโอกาสที่น่าสนใจอยู่ตลอดเวลา แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแผนการเจรจาในแต่ละดีลที่บริษัทสนใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทหลังปรับโครงสร้างธุรกิจ

เอสซีบี เอกซ์ วางแผนการดำเนินงานในช่วง 5 ปีนี้ตั้งเป้าหมายธุรกิจสินเชื่อรายย่อยและบริการการเงินแบบดิจิทัล และธุรกิจแพลตฟอร์มเทคโนโลยี จะมีสัดส่วนรายได้รวมกันมากกว่า 30% พร้อมกับการวางแผนนำธุรกิจสินเชื่อรายย่อยบางธุรกิจในกลุ่มต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และสร้างการเติบโตของธุรกิจนั้นๆได้ด้วยตัวเองมากขึ้น ผ่านการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 5 ปี และในส่วนของธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆของบริษัทภายใน 5 ปี ตั้งเป้าที่จะเริ่มสร้างกำไรขึ้นมา และก้าวขึ้นเป็นธุรกิจยูนิคอร์นได้

การปรับโครงสร้างของเอสซีบี เอกซ์ เป็นการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ ทั้งเทคโนโลยี และพฤติกรรมของลูกค้า โดยที่ย่งคงมีวิสัยทัศน์ในการเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำในอาเซียน โดยบริษัทได้เดินหน้าในการแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีให้กับกลุ่มบริหารจัดการเงินทุนของกลุ่มให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนต่อบริษัทและผู้ถืงหุ้นในระยะยาว

โครงสร้างธุรกิจของเอสซีบี เอกซ์ จะดำเนินงานภายใต้ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มแรกธุรกิจการเงินแบบดั้งเดิม คือ ธุรกิจธนาคาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ธุรกิจการบริหารจัดการสินทรัพย์ บลจ.ไทยพาณิชย์ และเอสซีบี จูเลียส แบร์ ธุรกิจประกันเอสซีบี โพรเทค ที่จะยังคงเป็นแกนหลักในการทำธุรกิจต่อไป และสามารถเติบโตด้วยธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเป็นธุรกิจ Cash Cow แต่จะมีการพัฒนาในเรื่องประสิทธิภาพให้ดีขึ้น เน้นการสร้างผลกำไร และผลตอบแทนที่สูงขึ้นเป็นหลัก

กลุ่มที่ 2 เป๊นธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยและบริการการเงินแบบดิจิทัล ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และบางธุรกิจมีอัตราผลกำไรที่สูงอยู่แล้ว ธนาคารได้แยกออกมาจากธนาคาร เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ CardX AutoX Abacus AlphaX เป็นต้น และกลุ่มที่ 3 กลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ที่บริษัทมองว่าจะมีบทบาทกลายเป็นกลุ่มธุรกิจหลักในระยะยาว เช่น InnovestX TokenX Purple ventures เป็นต้น

"เราต้องมีการ Reform ธุรกิจของเราให้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ปรับเปลี่ยนการทำงาน กล้าที่จะเข้าไปลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อทำให้เราได้รู้ แม้ว่าจะมีถูกผิดบ้าง แต่ทำให้เราเรียนรู้ และนำสิ่งที่เป็นโอกาสเข้ามาพัฒนาศักยภาพของธุรกิจในเครือ สร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้ Beyond มากกว่าธุรกิจการเงินแบบดั้งเดิม และสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กและกลางเข้าถึงบริการการเงินให้ง่ายขึ้น พร้อมกับสร้างความสะดวกสบายในการใช้บริการของลูกค้าของเรา และมีต้นทุนที่ลดลง ตามแผนที่เรามองไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงของเอสซีบี เอกซ์ จะสร้าง Income Inquality และ Disruptive" นายอาทิตย์ กล่าว

สำหรับธุรกิจการเงิน ยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัท จะเน้นการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพมากกว่าปริมาณ ได้แก่ การปรับพอร์ตสินเชื่อให้มีผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายการปล่อยสินเชื่อดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนบริการ และเพิ่มผลตอบแทนการสร้างเติบโตธุรกิจบริหารความมั่นคั่ง และเด้นหน้าการขายประกันผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อขยายฐานลูกค้า อีกทั้งยังมีปรับปรุงธุรกิจบางประเภท เช่น การค้าระหว่างประเทศและการบริหารเงินสดให้มีประสิทธิภาพและลดต้นทุน พร้อมกับการลดต้นทุนของธนาคารภาพรวม โดยนำระบบเทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานและการบริการให้กับลูกค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ