นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) กล่าวว่า PCC ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท เปิดให้จองซื้อวันที่ 10-12 ต.ค.65 คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือน ต.ค.นี้ ชื่อย่อในการซื้อขาย "PCC" ในกลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค
ทั้งนี้ PCC จะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 307,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.03% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ผ่านผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย บล.กสิกรไทย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) บล.ทรีนีตี้ บล.เอเชีย เวลท์ และ บล.เอเอสแอล
"การกำหนดราคาไอพีโอในที่ระดับ 4.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) ประมาณ 19.16 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่ง PCC เป็นหุ้นพลังงานที่มีความน่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก จากความสามารถในการแข่งขันและมีศักยภาพที่เติบโตต่อไปอีกมากในอนาคต รวมถึงผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้ามานานเกือบ 40 ปี" นางสาววีรยา กล่าว
นายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า จุดเด่นของ PCC คือการเป็นผู้นำในธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid และมีสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมตามต้องการของระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ PCC ยังมีการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อใช้ในสินค้าและบริการ นำเสนอให้แก่ลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด จึงทำให้มีผลิตภัณท์และระบบงานที่หลากหลายครอบคลุมในส่วนของธุรกิจ Smart Grid
"หุ้น PCC เป็นหุ้นพลังงานที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องและเป็นหุ้นตัวแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่โฟกัสด้านระบบส่งและจำหน่าย และ Smart Grid ซึ่งระบบไฟฟ้าในอนาคตจะเปลี่ยนไปมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น มีรถ EV และ Charging Station รวมถึงการลงทุน Solar cell จากบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ระบบไฟฟ้าย่อมจะต้องมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนให้บริษัทฯมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งในระยะยาวบริษัทฯจะเติบโตไปพร้อมกับระบบไฟฟ้าที่จะพัฒนาเป็น Smart Grid ในอนาคต ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีแผนการลงทุนในเฉพาะส่วนของ Smart Grid ถึง 2 แสนล้านบาท" นายปาลธรรม กล่าว
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PCC กล่าวว่า บริษัทมีแผนนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ 1,228 ล้านบาท ไปใช้เพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคตอื่น มูลค่า 350 ล้านบาท ภายในปี 65-67 รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน มูลค่า 194 ล้านบาทและชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินมูลค่า 650 ล้านบาทภายในปีนี้
"บริษัทฯมั่นใจว่า ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการทำธุรกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น รวมทั้งมีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และเป็นที่ยอมรับของคู่ค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกันทำให้บริษัทฯมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ลดลง สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต" นายกิตติ กล่าว