นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายในปี 65 จากเดิม 3.5 หมื่นล้านบาท หลังจากเห็นสัญญาณยอดขายที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนของปี 65 ที่ทำได้แล้ว 2.93 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของเป้าทั้งปีนี้ ทำให้บริษัทมองว่าอาจจะมีโอกาสพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายขึ้น
สำหรับยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มบ้านจัดสรร 27% และกลุ่มคอนโดมิเนียม 73% โดยมีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ที่ 48% และกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 52% โดยช่วงไตรมาส 3/65 ถือเป็นไตรมาสที่มียอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท สูงสุดรายไตรมาสนับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมา
"ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันโครงการใหม่ของบริษัทที่เปิดตัวในปีนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งติดแนวรถไฟฟ้า รวมถึงใกล้แหล่งงาน สถาบันการศึกษา ชุมชนที่มีกำลังซื้อสูงทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ EEC ได้รับการพัฒนาคอนเซ็ปต์มาให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของ Gen Y และ Gen Z ยุคใหม่อย่างเต็มที่ ประกอบกับการจัดกิจกรรมทางการตลาด ส่งผลให้เรามียอดขายที่แข็งแกร่ง" นายพีระพงศ์ กล่าว
ขณะที่ยอดขายรอโอน (Backlog) ในมือของบริษัทเพิ่มขึ้นมาที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมั่นใจยอดโอนในปีนี้จะทำได้ 2.6 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในปี 66 บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนแผนของโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในเครือ โดยเฉพาะ Staybridge Suites Bangkok ทองหล่อ ด้วยการปรับสัดส่วนให้เช่าเป็นการเช่าระยะยาว 30% และเช่าระยะสั้น 70% จากปัจจุบันที่สัดส่วนเช่าระยะยาวอยู่ที่ 70% ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวกลับมาได้ดี ส่งผลให้อัตราค่าเช่ารายวันมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น