นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ทั่วไปชุดที่ 1 และหุ้นกู้ดิจิทัลชุดที่ 2 โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด มีอายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.55% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.65
- หุ้นกู้ทั่วไปชุดที่ 1 เสนอขายผ่านธนาคารกสิกรไทย จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
- หุ้นกู้ดิจิทัลชุดที่ 2 เสนอขายผ่านแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ของธนาคารกรุงไทย จองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท
สำหรับหุ้นกู้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ที่ระดับ "A" แนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" ซึ่งอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติและความต้องการใช้ถุงมือยางที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ที่ดีขึ้น
ณ สิ้นเดือน มิ.ย.65 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องสูงถึง 3.08 เท่า มีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย 16.88 เท่า มีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 1.75 หมื่นล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบัน STA ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจร (Full Supply Chain) ในหลากหลายประเทศ เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ ได้แก่ การทำสวนยางพาราในประเทศไทย ธุรกิจกลางน้ำ ประกอบด้วย การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ ทั้งยางแท่ง (TSR) ยางแผ่นรมควัน (RSS) และน้ำยางข้น (Concentrated Latex) รวมถึงธุรกิจปลายน้ำ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง และสินค้าสำเร็จรูป อาทิ ท่อไฮดรอลิกแรงดันสูง โดยบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนดอกเบี้ยในระดับต่ำ เนื่องจากได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ในระดับที่แข็งแกร่ง
วัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้นกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการขยายกำลังการผลิตยางแท่ง 140,160 ตันต่อปีที่โรงงานจังหวัดตรัง คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จและเริ่มทยอยเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน มิ.ย.และ เดือน ก.ย.66 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายกำลังการผลิตยางธรรมชาติในปี 2566 เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายมีปริมาณการขายยางธรรมชาติทุกประเภทรวม 1.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายรวมประมาณ 1.3 ล้านตัน