นายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหาร PCC และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (Investor Roadshow) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กับนักลงทุนในวันนี้เพื่อให้เข้าใจภาพรวมธุรกิจและแผนการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตภายหลังจากกำหนดราคาเในอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้แรก (IPO) ที่ 4 บาท/หุ้น และกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 21 ตุลาคม 2565 ในกลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค
"การโรดโชว์ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก PCC เป็นผู้นำด้าน Smart Grid ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของระบบไฟฟ้า และเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ซึ่งในตลาดหุ้นไทยจะมีหุ้นที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่วัดกันที่ MW แต่ยังไม่มีหุ้นที่โฟกัสในส่วนที่จะนำพลังไฟฟ้าจากผู้ผลิตมาถึงประชาชนทั่วไป บริษัทมีส่วนในการนำพลังงานไฟฟ้าจากระดับแรงดันสูง 500 kv มาให้ผู้บริโภคที่ใช้ 220 kv นอกจากนี้ มองว่าในระยะสั้นบริษัทฯจะเติบโตจากโครงการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า หรือคิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 1,080 MVA ต่อปีภายในปี 67 และมีโครงการโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชาที่จะรับรู้รายได้ในปีหน้า
ส่วนระยะยาวบริษัทฯจะเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย ซึ่งกฟผ. กฟภ.และกฟน. มีแผนการลงทุน(2558-2579) เกือบ 2 แสนล้านบาท" นายปาลธรรม กล่าว
ทั้งนี้ PCC เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 307 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.03 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PCC กล่าวว่า นอกจากแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่มีความชัดเจนและมองเห็นภาพการเติบโตที่มีความแข็งแกร่งแล้ว ในส่วนของผลประกอบการของ PCC ก็มีความโดดเด่นอย่างมากและเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสนใจอย่างมากในครั้งนี้
ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวม 1,727 ล้านบาท เติบโต 15.3% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,498 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เติบโต 67.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 80 ล้านบาท
PCC ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ประกอบด้วยสายธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า งานบริหารโครงการ งานบริการ งานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าทั้งแรงต่ำและแรงสูงขนาดไม่เกิน 115 kv และระบบบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ (Power Distribution & Energy Management System) 2. กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง พร้อมผลิตติดตั้งระบบควบคุมสำหรับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ และผลิตมิเตอร์อัจฉริยะ (Intelligent Grid) และ 3. กลุ่มธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และผลิตเชื้อเพลิงจากพืชพลังงาน (Renewable Energy) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง