DBSV แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นอาเซียน-ญี่ปุ่น ชูกลุ่ม Luxury brands-เฮลท์แคร์โดดเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 7, 2022 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวในการสัมมนาออนไลน์ DBSV Quarterly Review Q4/22 หัวข้อ"ส่องโอกาสลงทุนใหม่ ฝ่าด่านดอกเบี้ยสูง เศรษฐกิจชะลอ" ว่า แนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะยังคงใช้นโยบายเข้มงวดโดยปรับขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 4.5% ปลายปี 65 ก่อนจะหยุดขึ้น เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจส่งผลให้การบริโภคทั่วโลกชะลอตัวลง จากผลของความเข้มงวดของนโยบายการเงินและการคลัง

"เศรษฐกิจประเทศใหญ่จะถูกปรับลด GDP โดย DBS Bank คาดเศรษฐกิจสหรัฐปี 66 โตเพียง 0.3% ยุโรปโต 1% ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นโตเร่งตัวขึ้นในปี 66 เป็นบวก 1.8% หนุนโดยภาคบริการ หลังเปิดรับนักท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจจีน โตดีขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการจัดการโควิด ส่วนกลุ่มอาเซียน ยังขยายตัวดี โดดเด่นคือเวียดนาม"นายธนวัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ ดีบีเอสเชื่อว่าถ้าเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็จะเป็นแบบไม่รุนแรง (mild recession) โดยปัจจัยสนับสนุนความคิดเห็นที่สำคัญคือ ระบบเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้เปราะบางเหมือนอดีต ดูจากหนี้ครัวเรือนลดลงจากในอดีตมาก และตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง อัตราว่างงานต่ำ 3.5%

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า การเติบโตของ GDP มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผลตอบแทนในภาคธุรกิจ (GDP growth & corporate earnings) สมมติฐานว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ช่วง "mild recession" และจะทำให้ผลตอบแทนของ corporate ลดลงไป 6% ก็ได้สะท้อนเข้าไปในสภาวะตลาดปัจจุบันแล้ว ในขณะที่ forward PE ที่ลดลง ได้เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงเริ่มเป็นจุดที่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาว

โดยมองหุ้นกลุ่ม Luxury brands มีความน่าสนใจ แม้ว่าทิศทางการบริโภคจะชะลอลง แต่กลุ่ม Luxury จะได้แรงหนุนจากความมั่งคั่ง ( wealth) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเช่นกลุ่ม millennial และกลุ่มชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น เช่นในจีน รวมทั้งสามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้าได้

ขณะที่ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ชอบกลุ่ม Medical devices ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูง จากนวัตกรรมใหม่ๆและ ageing population กลุ่ม Healthcare มีลักษณะเป็น "defensive growth" คือเป็นทั้ง defensive และยังมี growth ในระยะยาว กลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ (medical devices) มีแนวโน้มขยายตัวสูง จากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆและการขยายจำนวนเตียงในเอเชียเช่นจีน

"การลงทุนในหุ้น คงต้องรอจังหวะผลตอบแทนพันธบัตร ถึงจุดพีค (เมื่อเฟดส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย) ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่ม growth โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี โดยดีบีเอส แนะเพิ่มน้ำหนัก หุ้นในตลาดอาเซียน และ ญี่ปุ่น แต่ยังคงปรับลดน้ำหนัก หุ้นยุโรป"นายธนวัฒน์กล่าว

ส่วนตลาดตราสารหนี้ มองอัตราผลตอบแทน (yield ) ทั่วโลกที่ปรับสูงขึ้น ตราสารหนี้ระดับลงทุนในตลาดพัฒนาแล้วมีความน่าสนใจ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเลือกตราสารหนี้กลุ่ม high yield ในตลาดพัฒนาแล้วเข้าพอร์ตบางส่วนเพื่อดึง yield พอร์ตขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องระวังความเสี่ยง จากความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน, การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล, การเมืองระหว่างประเทศ, เทคโนโลยี, สภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม, การลงทุนในอุตสาหกรรมเฉพาะมีความเสี่ยงสูงกว่าตลาดโดยรวม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ