นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสที่จะผันผวนในทิศทางที่ปรับตัวลดลงอยู่ โดยได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่กลับมาอ่อนต่าทะลุ 38.00 บาทอีกครั้ง อาจทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกได้
นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นมาวานนี้อาจจะเป็นแรงกดดันให้มีความกังวลเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง รวมไปถึงความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย และ ยูเครน รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี
ขณะที่ไทยเตรียมเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว และนักลงทุนรอติดตามปัจจัยต่างๆ จึงคาดว่าปริมาณซื้อขายไม่มากนัก พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,554-1,680 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ -0.32%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,612.39 จุด ลดลง 27.27 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,542.10 จุด ลดลง 110.30 จุด หรือ -1.04%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,757.12 จุด ร่วงลง 358.99 จุด หรือ -1.32%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,194.73 ลดลง 21.93 จุด หรือ -0.13% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,978.06 จุด เพิ่มขึ้น 3.91 จุด หรือ +0.13%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ต.ค.65.) ที่ระดับ 1,570.57 จุด ลดลง 9.09 จุด, -0.58%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,486.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(10 ต.ค.) ลดลง 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ต.ค.) อยู่ที่ 2.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 38.00 อ่อนค่าจากวานนี้ กังวลสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน,โควิดในจีน
- "ทุนสำรอง" ไทยเดือนเดียววูบถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะต้นปีถึงปัจจุบันดิ่งลงเกือบ 20% นักเศรษฐศาสตร์เชื่อ มาจากทั้งการเข้าดูแลค่าเงินและการตีมูลค่าสินทรัพย์ในรูปสกุลอื่นเป็นดอลลาร์ แต่มั่นใจเสถียรภาพไทยยังแกร่ง ปริมาณเงิน ยังสูงเพียงพอรับมือความเสี่ยงต่างๆ ได้
- สศช.รับเห็นสัญญาณชะลอตัวเศรษฐกิจโลก ขณะ "สุพัฒนพงษ์" มั่นใจจีดีพีไทยปี 65 โตได้ 3% รับผวาราคาน้ำมันโลกยังผันผวนหนัก "อาคม" หวังส่งออก-ท่องเที่ยวพยุงเศรษฐกิจปี66 ด้าน "พลังงาน" คงดีเซลลิตรละ 35 บาท
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยจับตาความเสี่ยงหุ้นกู้ไฮยีลด์บอนด์หวั่นเกิดปัญหาผิดนัดชำระ หลังดอกเบี้ยตลาดโลกสูงขึ้น กดดันต้นทุนการเงินเพิ่ม เชื่อยังอยู่ในวิสัยที่ดูแลได้ พร้อมย้ำยังไม่พบสัญญาณน่ากังวล
- สธ.ย้ำยังคงเดินหน้าเฝ้าระวังโควิด-19 ต่อ แต่พบสัญญาณดี ติดเชื้อลดลง ตายลดลง ส่วนการสวมหน้ากากอนามัย ไม่ได้บังคับแล้ว ให้ดูตามความเหมาะสม ดีเดย์ 12 ต.ค.นี้ ฉีดวัคซีนเด็ก 6 เดือนถึง 4 ขวบ รัฐบาลยันยังไม่พบโอมิครอนสายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB ในไทย "หมอยง"ชี้โควิด-19 อาการลดลงต่อเนื่อง ปอดอักเสบลดลง แต่เจ็บคอ ไอ ยังเป็นอาการสำคัญ แพร่ระบาดเร็วขึ้น มีแนวโน้มระบาดแบบไข้หวัดใหญ่
*หุ้นเด่นวันนี้
- CK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 25 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/65 เร่งตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามการฟื้นตัวของธุรกิจรับเหมาฯ และมีโอกาสรับงานใหญ่เพิ่มเติมทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้มและงานโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง หากเซ็นสัญญาปลายปีนี้จะหนุน Backlog แจะ 2.6 แสนลบ. ทยอยรับรู้รายได้เป็น S-Curve ตั้งแต่ปีหน้า ส่วนธุรกิจลูกอย่าง BEM ฟื้นตัวตามการ Reopening ทั้งจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าและทางด่วน CKP อยู่ในช่วง High Season เราคาดกำไรปกติปี 2565 +8x Y-Y และเร่งตัว +64% Y-Y ในปี 2566
- JWD (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 20.60 บาท แนวโน้มผลประกอบการ H2/65 เติบโตต่อเนื่อง HoH, YoY มีปัจจัยหนุนจากฤดูกาล ธุรกิจหลักคลังสินค้าและห้องเย็นมีความต้องการใช้จากลูกค้าสูง ขณะที่ธุรกิจใหม่ที่เข้าไป JV กับ ORI (Alpha Industrial Solution) ไปรษณีย์ไทย และ Flash Express (FUZE Post) จะเริ่มรับรู้รายได้ รวมถึงธุรกิจ Self-storage (JWD Store It) จะเปิดสาขามากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีผ่านการร่วมมือกับ CPN ทั้งนี้ผุ้บริหารวางเป้าการเติบโตของรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท ในปี 68 และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 15% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11%
- GFPT (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 18.50 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นจาก ถือ เป็นซื้อ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 570 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26%qoq และเทียบกับไตรมาส 3/64 ขาดทุนสุทธิ 87 ล้านบาท