น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากรณีที่ ภาคธนาคารจัดตั้งบริษัทนอนแบงก์ใหม่เพื่อปล่อยกู้สินเชื่อส่วนบุคคลจะไม่กระทบธุรกิจ จากปัจจุบันพอร์ตธุรกิจของเครือศรีสวัสดิ์ ประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล 6% ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ 35% ธุรกิจสินเชื่อบ้านและที่ดิน 36% และธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ 23%
โดยสัดส่วนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมีสัดส่วนน้อยที่สุดของบริษัท จึงคาดว่าจะไม่กระทบหากมีการจัดตั้งบริษัทนอนแบงก์ใหม่ในการทำธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน และที่ดินเป็นหลัก อีกทั้งแผนการปรับโครงสร้างองค์กรที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่ง โดยจะมีการเพิ่มธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพธุรกิจเดิมตั้งแต่ปี 66 เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเครือศรีสวัสดิ์
การแข่งขันในกลุ่มธุรกิจ Non-bank ถือว่าอยู่ในระดับสูงด้วยจำนวนบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้น และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อีกทั้งได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัวหลังผ่านพ้นการกระบาดโควิดระลอกใหญ่ จึงทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มเกิดการขับเคลื่อน ความต้องการของสินเชื่อส่วนบุคคลจึงปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจทำให้ภาคธนาคารเล็งเห็นถึงโอกาสในเติบโตจากธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นได้
"ที่ผ่านมาในกลุ่มอุตสาหกรรมนอนแบงก์ได้เกิดการจัดตั้งบริษัทใหม่มากมาย ทำให้เกิดการแข่งขันในทุกรูปแบบและบริษัทได้พยายามปรับตัวมาโดยตลอด การที่กลุ่มแบงก์จะลงมาทำธุรกิจที่คล้ายคลึงกันจึงมองว่าเป็นธรรมชาติของการแข่งขัน ซึ่งประชาชนต่างหากที่ได้ประโยชน์และเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เขาเหล่านั้นได้เข้าถึงสินเชื่อในระบบ สำหรับบริษัทถือว่าได้รับผลกระทบน้อยมากเพราะพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลของศรีสวัสดิ์ค่อนข้างต่ำ ซึ่งปัจจุบันบริษัทโฟกัสการหาพันธมิตรใหม่ การรุกเข้าสู่ธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทั้งเครือ โดยธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้องค์กรจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป" น.ส.ธิดา กล่าว