SAMART ลุ้นปีนี้พลิกกำไร คาดรายได้ปี 66 โต 25-30% พร้อมดัน SAV เข้าตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 18, 2022 16:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) คาดว่าในปีนี้บริษัทจะกลับมามีกำไร จากปีก่อนขาดทุน 389.08 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จะทำได้ใกล้เคียงเป้าหมาย 14,000 ล้านบาท เนื่องจากยังมีงานบางส่วนติดปัญหาขาดแคลนชิพ และสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ส่งมอบงานล่าช้ากว่าแผน

ส่วนปี 66 คาดว่ารายได้จะปรับตัวสูงขึ้น 25-30% จากปี 65 เนื่องจากบริษัทและบริษัทในกลุ่มมีงานใหม่เพิ่มเข้ามา โดยขณะนี้งานในมือ (Backlog) สูงขึ้นไปถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท

"มั่นใจปีนี้เราจะกลับมาเห็นการเติบโต ปีนี้เป็นปี Turnaround ปีหน้าคาดว่าจะแจ่มใส"นายวัฒน์ชัย กล่าว

ในปีนี้ บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ คือ ระบบพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ (Direct Coding System) บนขวดเบียร์ เมื่อเดือน ก.ค.65 โดยทำรายได้ 60-70 ล้านบาท/เดือน และคาดว่าในไตรมาส 4/65 อาจทำรายได้มากขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ดังนั้นทั้งปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 400-500 ล้านบาท และปีหน้าจะรับรู้เต็มปีราว 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 7 ปีตามอายุสัญญา มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาทเข้ามาเป็นรายได้ประจำ (Recurring income) นอกจากนี้ยังมีโอกาสขยายงานไปยังเครื่องดื่มชนิดอื่น ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับกรมสรรพสามิต เพื่อให้บริษัทฯมีรายได้ประจำมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทเพิ่งชนะงานติดตั้งระบบวงจรปิดและเช่ากล้องรวมซ่อมบำรุงของหน่วยงานรัฐ มูลค่างาน 600 ล้านบาท อายุสัญญา 5 ปี คาดจะเซ็นสัญญาในสัปดาห์หน้า จะทำให้งานในมือส่วนนี้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 200 ล้านบาท

สำหรับ บมจ.สามารถ เทเลคอม (SAMTEL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SAMART ถือหุ้นอยู่ 70% คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ 6,000-7,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีงานใหม่เข้ามา 4,650 พันล้านบาท คาดว่า 2 เดือนสุดท้ายของปีจะเซ็นงานโครงการใหม่เข้ามาอีก 1,800 ล้านบาท จะทำให้ปีนี้มีงานใหม่จำนวน 6,500 ล้านบาทตามเป้าหมาย และทำให้งานในมือ (Backlog) ปลายปีนี้มี 7,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 64 โดยปัจจุบัน Backlog มีอยู่ 7,790 ล้านบาท

ขณะนี้ SAMTEL ยังได้เริ่มหางานใหม่ที่จะเป็น Recurring income ซึ่งเป็นโครงการใหญ่และมีอายุสัญญา 7-10 ปี โดยอยู่ระหว่างเจรจากับหน่วยงานรัฐ 3-4 แห่งคาดว่าหากดีลได้สำเร็จจะมี Backlog เข้ามาประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาทในปี 66

ด้าน บมจ.สามารถ ดิจิตอล (SDC) ที่ SAMART ถือหุ้นอยู่ 69% นายวัฒน์ชัย คาดว่าในปีหน้าฟื้นตัวชัดเจนและน่าจะพลิกมีกำไรได้ ซึ่งในปัจจุบันมี 2 ธุรกิจ คือ Digital Trunk Radio คาดว่าปีหน้าจะ Break event โดยขณะนี้ยังติดปัญหาขาดแคลนชิพ และสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ ส่วนธุรกิจ Digital Content Service เกี่ยวกับธุรกิจด้านความเชื่อและโหราศาสตร์ภายใต้บริษัท ลัคกี้ เฮงเฮง จำกัด (Lucky Heng Heng) ดำเนินธุรกิจและให้บริการด้าน Mu tech เต็มรูปแบบ

โดยธุรกิจ Digital Trunk Radio ทยอยรับรู้รายได้จากผู้ใช้ปัจจุบัน ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม 85,000 ราย และยังมีโอกาสขยายฐานผู้ใช้บริการในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ยังให้ความสำคัญและความจำเป็นของการพัฒนาโครงข่ายวิทยุคมนาคมของประเทศในการประสานงานระหว่างส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค และท้องถิ่นโดยเฉพาะในยามที่มีภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉิน และยังมีการต่อใบอนุญาตคลื่น 800 ของบมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT)

ส่วนบริการ MU Tech อยู่ระหว่างหาทุนผ่าน Venture Capital (VC) ซึ่งได้โรดโชว์ไป 2 แห่งแล้ว ทั้งที่ค่ายมือถือ และบุคคลธรรมดา โดยบริษัทต้องการหาผู้ร่วมทุนที่เป็นผู้ให้บริการมือถือเพราะมองว่าสามารถ Synergy และกระจายฐานลูกค้าได้รวดเร็ว รวมทั้งธุรกิจมีเดีย หรือแบงก์ ทั้งนี้บริษัทต้องการระดมทุน 100 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปผู้ร่วมทุนได้ในเดือนก.พ.66

MU Tech มีการให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น 2 แอพ ได้แก่ Horoworld บริการดูดวงสดออนไลน์ ดูโหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย และฤกษ์มงคลต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมียอดดาวน์โหลด 30,000 ราย และ Thai Merit Application บริการใหม่สำหรับสายบุญทั้งในและต่างประเทศ เพิ่งเริ่มเปิดตัว โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมียอดดาวน์โหลดทั้งสองแอพ จำนวน 100,000 ราย

*เล็งดัน SAV เข้า SET Q3/65

นายวัฒน์ชัย ยังกล่าวว่า บริษัทเตรียมนำหุ้นบมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะยื่นไฟลิ่งในเดือน มี.ค. 66 และคาดเข้า SET ได้ในไตรมาส 3/66 โดยจะนำหุ้นเพิ่มทุน (10%) และหุ้นเดิมของ SAMART (15%) เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยมีทุนจดทะเบียน 320 ล้านบาท ราคาพาร์ 0.50 บาท โดยหลังจากขายหุ้น IPO นั้น SAMART จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 70% จากปัจจุบัน 100% โดยมี บล.เอเชีย พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ระงับการเข้าตลาดหุ้นไปเมิ่อปี 63 เนื่องจากเกิดสถานการณ์การระบาดโควิด

SAV ถือหุ้น 100% ในบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) ที่ดำเนินุธุรกิจด้านศูนย์ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศครอบคลุมทั่วน่านฟ้าประเทศกัมพูชา ปัจจุบันธุรกิจกลับมา 50-60% ของช่วงก่อนเกิดโควิด (ในปี 62) ที่มีกำไรสูงสุดที่ 600 ล้านบาท โดยในเดือนก.ย.65 มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเป็นเกือบ 7,000 เที่ยวบินจาก ก.ย.64 ส่วนหนึ่งมาจากเที่ยวบินที่ผ่านน่านฟ้ากัมพูชาหรือไปยังฝั่งแปซิฟิค บินไปยังเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น โดยในงวด 9 เดือนปี 65 มีจำนวนเที่ยวบิน 44,200 เที่ยวบิน เทียบกับสถานการณ์ปกติมีจำนวนเที่ยวบิน 100,000 เที่ยวบิน/ปี โดยในปี 66 คาดธุรกิจจะกลับมา 80% และเต็ม 100% ในปี 67

นอกจากนี้ ล่าสุด CATS ได้รับการต่ออายุสัมปทานอีก 10 ปี หรือสิ้นสุดในปี 2594 ซึ่งยังเหลืออายุสัมปทานอีก 29 ปี

ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชามีแผนส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ นโยบายส่งเสริมการค้าและการลงทุนร่วมกับจีน นโยบายส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวกับเวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย เกาหลี และอื่นๆ การเป็นเจ้าภาพจัดงาน Asian Tourism Forum ในเดือน ม.ค.66 การเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลก ด้วยการปรับปรุงสนามบินและก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ คือ New Suem Reap เปิดต.ค.66 และ New Phnom Penh และ Dara Sakor


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ