นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมสำหรับการที่หุ้น PCC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 21 ต.ค.เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค
จุดเด่นของบริษัทฯ คือการเป็นผู้นำธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid และยังเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ประกอบกับบริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยผลประกอบการล่าสุด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวม 1,727 ล้านบาท เติบโต 15.3% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,498 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เติบโต 67.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 80 ล้านบาท
"การเข้าระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของบริษัทฯเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล ที่สำคัญทำให้มีเงินทุนรองรับในการเติบโต และสร้าง Technology Platform อื่น เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และสนับสนุน Smart Grid Technology Platform เดิมด้วย" นายกิตติ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนก่อสร้างโครงการศูนย์การขายและการตลาด (Group Integration Sale & Marketing Center) เพื่อขยายยอดขายของกลุ่มบริษัท เนื่องจากบริษัทเพิ่ม scale ของการผลิตในสินค้าเดิมและขยายสินค้าใหม่ โดยคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 67
นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายอีก 3 เท่า หรือคิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 1,080 MVA ต่อปีภายในปี 67 และเพิ่มกำลังการผลิตตัวถังหม้อแปลงไฟฟ้า จากกำลังการผลิตประมาณ 2,000 ถังต่อปี เพิ่มเป็นประมาณ 7,500 ถังต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตตู้โลหะสำหรับตู้สวิตช์เกียร์และตู้สวิตช์บอร์ด อุปกรณ์ควบคุม จากกำลังการผลิตประมาณ 2,000 ตู้ต่อปี เพิ่มเป็นประมาณ 3,200 ตู้ต่อปี
ส่วนโครงการโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชา คาดว่าเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในต้นปี 66
ด้านนายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส วาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า มั่นใจว่า PCC จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของผู้บริหารมายาวนานเกือบ 40 ปี
และด้วยจุดเด่น PCC ดำเนินธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของระบบอุตสาหกรรมไฟฟ้า ทั้งการผลิต ส่ง และจำหน่าย ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่ไม่เหมือนกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอื่น และเป็นผู้ผลิตและให้บริการที่เป็นตัวสำคัญในการนำไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่มีขนาดใหญ่ มาถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้ายที่มีความสำคัญต่อระบบไฟฟ้ามาก นอกจากนี้ PCC ยังมีศักยภาพการเติบโตในอนาคตได้อีกมาก จากการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทยของการไฟฟ้า ซึ่งมีแผนการลงทุน (2558-2579) เกือบ 2 แสนล้านบาท
น.ส.วีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า PCC เป็น ผู้นำในธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์มครอบคลุมอุตสาหกรรมสมาร์ทกริดของประเทศไทย ซึ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพฐานทุนให้แข็งแกร่ง และนำไปพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง คือ ห่วงโซ่อุปทานครบวงจรของอุตสาหกรรมไผ่ พืชพลังงาน พืชเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม 4.0 ตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว Bio-Circular-Green Economy (BCG) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลก
โดยมั่นใจว่าหุ้น PCC จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งการกระจายหุ้น IPO ที่ผ่านมา มีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปให้ความสนใจเข้าจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต และการที่บริษัทฯมีความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้า เช่น Huawei, Schneider, Hitachi (Japan), Hitachi (Indonesia), Hyundai จะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ในอนาคตอีกมาก