บมจ.อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) หนึ่งใน 17 บริษัทไทยที่ได้รับการรับรอง Gold Certified Partner หรือพันธมิตรขั้นสูงสุดของ Cisco แบรนด์ผลิตภัณฑ์ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำจากสหรัฐฯ ประกาศความพร้อมก้าวครั้งใหญ่เข้าตลาดหุ้น เพื่อต่อยอดการเติบโตในระดับ Top 10 ของธุรกิจ System Integrator ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
ITNS กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 3.89 บาท และอาจจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 10,000,000 หุ้น ระยะเวลาจองซื้อวันที่ 12 และ 17-18 ต.ค.65 คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในเดือน ต.ค.นี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
*เปิดธุรกิจ System Integrator เจาะกลุ่มลูกค้าหลายอุตสาหกรรม
นายสมชาย อ่วมกระทุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITNS เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ITNS เป็นผู้ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร (System Integrator : SI) ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีแล้ว ปัจจุบันแบ่งโครงสร้างเป็น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 2) ธุรกิจให้บริการซ่อมแซม และบำรุงรักษาอุปกรณ์ และ 3) ธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์
"คือเราพรีเซนต์ง่าย ๆ ว่าระบบที่เราทำคือ หากมองไปที่ออฟฟิศใหม่หรือโรงงานใหม่ เราทำการเชื่อมคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเข้าหากัน เพราะฉะนั้นทุกที่ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ก็คือเป็นลูกค้าของเรา ลูกค้าของเราก็มีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือทางการแพทย์ หรือสถาบันการศึกษา เป็นต้น" นายสมชาย กล่าว
สำหรับสัดส่วนรายได้หลักราว 70% มาจากธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่บริษัทมีความพร้อมให้บริการลูกค้าครบวงจร แบ่งออกเป็น 6 ประเภทงาน คือ ระบบเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐาน (Network Infrastructure), ระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านคอมพิวเตอร์ (Cyber Security), ระบบศูนย์ควบคุมข้อมูล (Data Center), ระบบการติดต่อสื่อสารแบบครบวงจร (Collaboration), ระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless LAN) และ ระบบการบริหารจัดการเครือข่าย (Network Management)
*ผนึกพันธมิตรระดับโลกคว้าโอกาสบนตลาดสี่หมื่นล้าน
บริษัทมีความโดดเด่นด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Cisco ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำจากสหรัฐฯ โดยเริ่มต้นจากการเป็น Selected Certified Partner ก่อนขยับขึ้นเป็น Premier Certified Partner และก้าวสู่ Gold Certified Partner ในปี 63 ซึ่งถือว่าเป็นระดับพันธมิตรขั้นสูงสุดของ Cisco
"พอเราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนั้นเราสมัครเป็นพาร์ทเนอร์ระดับแรกกับ Cisco จนพัฒนามาเป็น Gold Certified Partner ในไทย ซึ่งหมายความว่าเรามีมาตรฐานตามที่สากลกำหนด ทั้งคุณภาพของทีมเซลล์ ทีมเทคนิคเคิล ซัพพอร์ต ล้วนแต่เป็นบุคลากรที่มีความสามารถ ทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือ" นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตราบใดที่คนยังใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ บริษัทก็ยังมีโอกาสทางธุรกิจจากตลาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี และถ้ามองภาพย่อยลงมากว่านั้น ข้อมูลรายได้รวมของ 17 บริษัทที่เป็น Gold Certified Partner ของ Cisco ในไทย มีมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทมีสัดส่วน Market Share อยู่ไม่ถึง 1 % ของกลุ่มดังกล่าว เพราะฉะนั้นเราก็มั่นใจว่าเรายังมีโอกาสและช่องทางที่จะเติบโตทางธุรกิจได้อีกมาก
นอกจากนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทยังเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำอีกหลายราย ทั้ง Fortinet, Lenovo, Dell EMC, Check Point, Juniper Networks เป็นต้น ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ออกไปได้อย่างต่อเนื่อง
*กุญแจแห่งความสำเร็จ คือ "อย่าปฏิเสธลูกค้า"
จุดเด่นของบริษัทนอกจากการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกแล้วนั้น คือการที่บริษัทมีประสบการณ์เชี่ยวชาญกว่า 20 ปี สามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจและเลือกกลับมาใช้บริการกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
"ทีมงานของเรามีความเป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ทำให้เราเข้าใจลูกค้า บางครั้งลูกค้าต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราอย่าปฏิเสธ มีอะไรที่เราช่วยลูกค้าได้ เราต้องช่วยลูกค้าเลย แม้สินค้าจะเป็นของเราหรือไม่ได้เป็นของเรา ลูกค้าก็จะเชื่อใจเราและอยากมาซื้อของและบริการกับเรา อันนี้คือปัจจัยที่ทำให้ ITNS เติบโตมา" นายสมชายกล่าว
สำหรับผลประกอบการช่วงที่ผ่านมาในปี 62-64 บริษัทมีรายได้รวม 282.63 ล้านบาท 375.39 ล้านบาท 370.95 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 21.25 ล้านบาท 28.83 ล้านบาท 32.59 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้รายได้ในปี 64 จะลดลงกว่าปี 63 เล็กน้อย แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ดีส่งผลให้กำไรสุทธิยังเติบโตได้
"ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บริษัทจัดจำหน่ายอุปกรณ์ได้เพิ่มมากขึ้นจากลูกค้าที่เริ่มกลับมาซื้ออุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่มีความทันสมัย เนื่องจากอุปกรณ์รุ่นเก่าครบอายุการใช้งาน ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นทั้ง 100% ทำให้ลูกค้าบางส่วนยังมีกำลังซื้อน้อยอยู่ บริษัทจึงมองว่าธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์จะมีการเติบโตที่ดีได้" นายสมชาย กล่าว
*เข้าตลาดหุ้นโตก้าวกระโดด สู่เป้า Top 10 ธุรกิจ System Integrator
นายสมชาย กล่าวว่า แผนการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่ ใช้เป็นเงินลงทุนในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัท 40 ล้านบาท, ใช้ในการขยายธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ 60 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท 153 ล้านบาท
"เรามองว่า ITNS ควรเติบโตรอบด้าน ส่วนหนึ่งเราจะไปลงทุนกับบริษัทอื่นที่มีรูปแบบธุรกิจใกล้เคียงกับเรา ส่วนธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ เรามองว่าตรงนี้จะทำให้บริษัทมีรายได้ระยะยาวและมั่นคง อีกทั้งเป็นธุรกิจที่คู่แข่งไม่เยอะ เพราะจะต้องเป็นบริษัทใหญ่ ๆ เท่านั้นที่ให้บริการได้ ถ้าเป็นบริษัทขนาดเล็กจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนค่อนข้างยาก" นายสมชาย กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจหลังเข้าตลาดหุ้นไปแล้ว บริษัทยังมุ่งเน้นทำธุรกิจหลักให้มียอดขายที่ดีขึ้น อย่างในปี 65 เราก็คาดว่ามีโอกาสที่รายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากรายได้งวด 6 เดือนแรกของปี 65 อยู่ที่ 175 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 22.23 ล้านบาท และมีจำนวนงานในมือ (Backlog) ปัจจุบันที่ 523 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ที่ 370 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป
"เรามีความมั่นใจว่า ITNS จะเติบโตแบบก้าวกระโดดได้หลังเข้าระดมทุนในตลาดฯ ซึ่งเราตั้งเป้าเอาไว้ว่าในอนาคตอีกราว 3-5 ปี เราจะต้องเป็น 1 ใน 10 ของบริษัทชั้นนำในไทยที่ทำธุรกิจ System Integrator ซึ่งเรามั่นใจว่า เราจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ไม่ยาก" นายสมชาย กล่าว
https://youtu.be/O-sWKIP0s0Y