นายศุภกฤษณ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันแม้ว่าจะมีการชะลอตัวลงไปตามภาวะ Crypto Winter ที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนหลายคนชะลอการลงทุน หรือบางคนที่สนใจเข้ามาลงทุนก็อาจจะยังรอดูท่าทีของตลาดก่อน แต่เชื่อว่าภาวะของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชะลอตัวในช่วงนี้นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าการพัฒนาของผู้ประกอบการใดที่จะเป็นตัวจริง ทำโปรเจ็คต์ของตัวเองออกมา และประสบความสำเร็จอย่างดี และสามารถผ่านพ้นความยากลำบากในช่วงนี้ไปได้ ทำให้ผู้ประกอบการรายนั้นๆมีความแข็งแกร่ง และทำให้สร้างความเชื่อมั่นกลับมามากขึ้นให้กับนักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลหลังจากนี้
"ช่วงนี้ถือเป็นการ Reset ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะ Crypto ที่จะทำให้เราเห็นว่าใครคือตัวจริงที่อยู่รอดในตลาด รวมถึงผู้ประกอบการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ว่าภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีความผันผวนขึ้นลงมาก แต่เชื่อว่าเมื่อผ่านพ้นความยากลำบกนี้ไปแล้ว และทุกคนได้เรียนรู้ และเห็นประโยชน์ของสินทรัพย์ดิจิทัล จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา" นายศุภกฤษณ์ กล่าว
ด้านการพัฒนา Web3 นั้นมองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการผลักดัน Web3 ให้เกิดการใช้งานจริงได้นั้นต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้มีการนำศักยภาพและประโยชน์ของ Web3 มาใช้ได้จริง ซึ่งอาจจะยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ เพราะปัจจุบันยังเป็นช่วงเริ่มต้นและยังต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆเข้ามารองรับอีกมาก อีกทั้งยังต้องสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ Web3 อีกมากให้กับคน
"เชื่อว่าเมื่อโครงสร้างพื้นฐานมีมากขึ้น และคนมีความเข้าใจและเห็นประโยชน์ของ Web3 จะเริ่มมีการใช้งานจริงอย่างแพร่หลาย เหมือนกับช่วงแรกของ Web2 ที่หลายๆคนในช่วงแรกมองว่าจะเป็นจริงหรือทำงานได้จริงหรอ ปัจจุบันเราก็เห็นกันแล้วว่าโซเชียลมีเดียต่างๆก็มีการใช้อย่างแพร่หลาย จากการที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต และสมาร์โฟนต่างๆที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ และสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง" นายศุภกฤษณ์ กล่าว
นายศุภกฤษณ์ กล่าวอีกว่า หลังจากมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในวงการคริปโทเคอรเรนซี ในฐานะองค์กรที่เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคแห่งสินทรัพย์ดิจิทัล สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล และ Crytomind ได้จัดงาน Blockchain Thailand Genesis 2022 ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย. 65 ที่สยามพารากอน ภายใต้ธีม "Road to Web3" ซึ่งจะเน้นการโชว์โปรเจ็คต์ของผู้ประกอบการต่างๆ ที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับรู้และเข้าใจการพัฒนาเกี่ยวกับ Web3 และการนำไปใช้งานได้จริงมากขึ้น รวมถึงยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอเรนซี และบล็อกเชนที่เข้ามาผนวกใช้ในการเสริมศักภาพให้กับภาคธุรกิจได้อีกด้วย
"งานในปีนี้เรายังคงมุ่งหวังให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจในวงการเทคโนโลยีบล็อคเชน และสินทรัพย์ดิจิทัล ที่จะได้เข้ามาเห็น เรียนรู้ โปรเจ็คต์ต่างๆที่ออกมา และยังมีโอกาสพบปะพูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อสร้างโอกาสทองให้แก่คนไทยได้เรียนรู้โลกยุคใหม่ก่อใคร และสามารถได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ามีผู้เข้ามาร่วมงานกว่ากว่า 5,0000 คน" นายศุภกฤษณ์ กล่าว
นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอร์รี่ จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า Web3 ได้ถูกยกมาพูดถึงว่าเป็นอนาคตของอินเตอร์เน็ต เพราะ Web3 มีแนวคิดในการรวบรวมข้อมูลต่างๆไว้ในเครือข่าย เพื่อเป็นแหล่งเก็บข้อมูลของโลกที่ไร้ตัวกลาง ซึ่งเปิดให้ทุกคนช่วยกันดูแลข้อมูล หรือที่อยู่ในบล็อกเชน และเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาคริปโทเคอเรนซี Defi Metaverse และ NFT ที่จะเป็นเหมือนผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ในโลกของ Web3
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มศักยภาพในเรื่องของความปลอดภัยที่มากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานบนบล็อกเชนสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลและธุรกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามการที่ทำให้ Web3 เกิดการใช้งานได้จริงนั้นต้องสร้างความเข้าใจกับคนก่อน ทำให้เห็นถึงประโยชน์และรูปแบบของการใช้งานว่าทำงานอย่างไร สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอะไรได้บ้าง ซึ่งเมื่อคนเกิดความเข้าใจและเห็นภาพ จะทำให้เริ่มมีการทดลองนำมาใช้จริง และเมื่อเห็นผลก็จะเกิดความแพร่หลายมากขึ้น เช่นเดียวกับ Web2 ที่มีการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันไปแล้ว
นายพุฒิกานต์ เอารัตน์ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Digital Asset บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า Web3 ยังมีความท้าทายอยู่ค่อนข้างมาก ในส่วนของการนำบล็อกเชนมาใช้ ซึ่งจะทำอย่างไรให้คนที่นำไปใช้สามารถนำไปใช้ได้ง่าย มีความซับซ้อนน้อย และสามารถเข้าใจได้ง่าย รวมถึงจะทำอย่างไร่ที่คนส่วนใหญ่จะสามารถเข้าถึงการใช้งานได้จริง และเป็นประโยชน์ ไม่เพียงแต่การเข้ามาเพื่อเก็งกำไรในการลงทุนเท่านั้น
บริษัทมองว่าการพัฒนาของ Web3 เป็นการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านการใช้งานจาก Physical ไปสู่ Digital ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า แต่จะทำอย่างไรให้คนเห็นภาพก็จะต้องมี Use Case ที่ออกมาเป็นรูปธรรม และใช้จริงเกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทก็มี TokenX ที่จะเป็นส่วนร่วมในการผลักดัน Use Case ของสินทรัพย์ดิจิทัลให้เกิดขึ้นจริงและใช้จริงออกมา
สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ว่าในปัจจุบันจะเป็นช่วงภาวะ Crypto Winter แต่อยากให้นักลงทุนมองว่าการลงทุนทุกสินทรัพย์ล้วนแต่มีความเสี่ยงทั้งสิ้น และไม่อยากให้ปิดโอกาสในการลงทุน ซึ่งบางครั้งในจังหวะขาลงของตลาดคริปโทเคอเรนซี อาจจะเป็นจังหวะที่นักลงทุนสามารถทยอยสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดี เพื่อคว้าโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้นักลงทุนเห็นว่าใครคือตัวจริงที่จะอยู่รอดและมีความแข็งแกร่งในการพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาความท้าทายนี้ไปได้
โดยบริษัทมองว่าคนยังให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโลกของดิจิทัลมากขึ้น จะเห็นได้จากจำนวนบัญชีที่เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วง 3 ปีทีผ่านมามีมากถึง 4 ล้านบัญชี มากกว่าจำนวนบัญชีหุ้นที่มี 2-3 ล้านบัญชี และกองทุนรวมที่ Active กว่า 1 ล้านบัญชี สะท้อนความสนใจในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมาก ซึ่งบริษัทก็ได้มีการเปิดแพลตฟอร์มในการให้นักลงทุนสามารถลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ยังคงให้คำแนะนำในการลงทุนเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มีสัดส่วนไม่เกิน 20% ของพอร์ตการลงทุนรวม