บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)คาดจะออกหุ้นกู้ 7.5 พันล้านบาทเพื่อนำมารีไฟแนนซ์หนี้ในช่วงไตรมาส 4/51 เพื่อให้ได้รับอัตราค่าปรับจ่ายหนี้ก่อนกำหนดลดลงเหลือ 2% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 150 ล้านบาท เพราะหากชำระคืนในช่วงไตรมาส 2/51 หรือ ไตรมาส 3/51 จะต้องเสียค่าปรับ 3% หรือ 225 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบกับกำไรสุทธิในปี 51 เพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลง
นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ BECL กล่าวว่า เหตุผลที่บริษัทเลือกจังหวะออกหุ้นกู้ในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจาก หลังเดือนก.ย.นี้ ค่าปรับจากการจ่ายคืนหนี้ก่อนกำหนดจะลดลงเหลือ 2% จากที่เสีย 3% เท่ากับปีก่อน ทำให้บริษัทประหยัดเงินได้ประมาณ 75 ล้านบาท แต่การออกหุ้นกู้มารีไฟแนนซ์ ก็ทำให้บริษัทปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ยลอยตัวได้
"เทรนดอกเบี้ยจากหลายผู้รู้ก็เขื่อว่าจะไม่ใช่เทรนขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเรารอเวลาได้ ก็เท่ากับว่าเราประหยัดไปได้ 75 ล้านบาท แต่หากว่าว่าเทรนดอกเบี้ยมีแนวโน้มว่าจะเป็นขาขึ้น ก็จะต้องประชุมกันอีกที"นางพเยาว์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้ที่มี 3 ชุด แบ่งเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี, 5 ปี และ 7 ปี
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจากการออกหุ้นกู้เพื่อนำไปรีไฟแนนซ์หนี้ก่อนกำหนด ทำให้บริษัทต้องเสียค่าปรับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ
"ถ้าเราออกหุ้นกู้ แน่นอนต้องกระทบกับกำไร แต่เราเสียครั้งเดียวและปีต่อ ๆ ไปจะดีขึ้น"นางพเยาว์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 50 BECL มีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท ต่ำกว่าปี 49 ที่มี 1.5 พันล้านบาท
นางพเยาว์ กล่าวว่า รายได้ของบริษัทในปี 51 คาดว่าจะไม่สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 7.3 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเปิดใช้ถนนวงแหวนใต้โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง แต่ในไตรมาส 4/51 รายได้อาจจะดีขึ้น เพราะเริ่มมีการเก็บค่าผ่านทางในเส้นทางดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทก็พยายามคุมค่าใช้จ่าย รวมทั้งภาระดอกเบี้ยก็ลดลงหลังปีที่แล้วออกหุ้นกู้ 7.5 พันล้านบาทคืนเงินต้นบางส่วน
ก่อนหน้านี้ กรรมการผู้จัดการ BECL คาดปีนี้ปริมาณจราจรบนทางด่วนปรับลดลง 2-3% จากปีก่อนที่มีระดับเฉลี่ย 9.84 แสนคัน/วัน โดยในก.พ.51 อยู่ที่ 9.16 แสนคัน/วัน ลดลง 4.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการใช้ 9.55 แสนคัน/วัน
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--