น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เดินทางเข้ายื่นเรื่องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ด กสทช.) มีมติให้ควบรวมกิจการของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เนื่องจากมติ 2 เสียงรับทราบการควบรวมโดยไม่ขออนุญาต 2 เสียงคัดค้าน และอีก 1 เสียงงดออกเสียงนั้น ส่อขัดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
น.ส.สารี กล่าวว่า ตามประกาศ กสทช.หากจะมีการเข้าร่วมต้องใช้ประกาศปี 2561 ที่กำหนดไว้ว่า "หากเป็นกิจการประเภทเดียวกันต้องปฏิบัติตามข้อ 8 ของประกาศปี 2549 ซึ่งหมายความว่า กสทช.มีอำนาจในการอนุญาตในการให้ควบรวมหรือไม่ให้ควบรวม แต่ กสทช.ทำหน้าที่เพียงการรับทราบ" โดยเฉพาะมีกรรมการหนึ่งคนงดออกเสียง ทำให้สภาองค์กรของผู้บริโภคเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายการปฎิบัติหน้าที่ หรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
เมื่อติดตามข้อเท็จจริงยังพบว่า กทสช.ดำเนินการไม่ครบถ้วนตามกระบวนการของกฎหมาย เช่น การไม่รับฟังความคิดเห็นที่เกี่ยวกับมาตรการหลังจากการรับทราบการควบรวมว่ามีการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างไร ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และอาจทำให้ไม่เกิดการลงทุนในพื้นที่ห่างไกล ทำให้คนจนพื้นที่ชายขอบจะเข้าไม่ถึงบริการทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่มาตรการที่ออกมาไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตั้งข้อสังเกตว่าตามกฏหมาย บอร์ด กสทช.ที่พิจารณาจะต้องมี 7 คน ทำไมในการลงมติจึงมีเพียง 5 คน ไม่รอกระบวนการคัดเลือกกรรมการให้ครบก่อนจึงพิจารณาวาระเรื่องการควบรวม TRUE-DTAC โดยสงสัยว่าเหตุใดกระบวนการจึงเร่งรีบผิดสังเกต อาจเข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนใดหรือไม่ เพราะหากไม่มีคงไม่รีบดำเนินการแบบนี้ และเห็นใจประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการควบรวมกิจการดังกล่าว