นางชวินดา หาญรัตนกูล ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (Association of Investment Management Companies ? AIMC) ได้เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิกบริษัทจัดการลงทุนในช่วงเดือน ต.ค.65 ต่อมุมมองการลงทุนในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า โดยสรุปได้ว่าทีมผู้จัดการกองทุนไทยเกือบทั้งหมดมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโดทางเศรฐกิจ (GDP Growth) การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะผ่านมาตรการเปิดประเทศและการท่องเที่ยวจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปรับตัวและเติบโตได้ดีขึ้นในระยะต่อไป
สำหรับปัจจัยลบที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ปัญหาเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่กำลังไต่ระดับสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศทั่วโลก
ในส่วนของการจัดน้ำหนักการลงทุนในประเทศนั้น เน้นให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตราสารทุน คือ หุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap) เป็นหลัก กลุ่มอุตสาหกรรมในดวงใจ คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยวสันทนาการ และกลุ่มพาณิชย์
ขณะที่มีมุมมองเป็นกลางค่อนไปในทางลบต่อการลงทุนในตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือก โดยการลงทุนในตราสารหนี้จะเน้นเฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้นถึงปานกลางของภาครัฐ และสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกจะเน้นการลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานเป็นสำคัญ
สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกในระยะ 1 ปีข้างหน้านั้น เกือบทั้งหมดเชื่อว่าในภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะเกิดความถดถอยอันเป็นผลจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อในที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงมาก อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดการกองทุนไทยยังเชื่อว่าด้วยมาตรการดอกเบี้ยนั้น อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ ทยอยลดระดับลงได้ต่อไป
สำหรับการจัดน้ำหนักการลงทุนทั่วโลกยังคงเชื่อว่าผลกระทบของเศรษฐกิจโลกไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาค กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังคงไม่ละทิ้งกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) และไม่ได้ให้น้ำหนักลงทุนไปยังสินทรัพย์ชนิดใดเป็นพิเศษ (Neutral)
ประเภทของสินทรัพย์นั้นส่วนใหญ่ให้น้ำหนักลงทุนไปยังตราสารหนี้ระยะปานกลางถึงยาวของสหรัฐฯ จีนและไทย หุ้นขนาดใหญ่ (large Cap) ของจีน สหรัฐฯ และกลุ่มอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย สินทรัพย์ทางเลือกประเภททรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างโดดเด่นคือ กลุ่มสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทั้งนี้ การสำรวจมุมมองผู้ลงทุนสถาบันไทยได้กำหนดให้มีการสำรวจทุกไตรมาส โดย AIMC มุ่งหวังให้มุมมองของผู้ลงทุนสถาบันนี้จะช่วยเป็นแนวทาง หลักคิดด้านการออมและลงทุน และช่วยให้ภาพรวมในการจัดแบ่งเงินลงทุน เพื่อที่ภาคธุรกิจ ผู้ลงทุน และประชาชนทั่วไปจะได้ประโยชน์ และสามารถสร้างความยั่งยืนผ่านเงินลงทุนของกิจการหรือของตนเองได้ต่อไป