บลจ. บัวหลวง (BBLAM) เตรียมเสนอขาย 2 กองทุนใหม่ ได้แก่ BCARESSF และ B-VIETNAMSSF โดยจะเปิดขายครั้งแรกวันที่ 1-7 พ.ย.65 โดยมุ่งหวังให้ผู้ลงทุนในกองทุน SSF ปรับสัดส่วนพอร์ตของตนเอง ทยอยสะสมโอกาสจากหุ้นที่มีแนวโน้มที่ดี เช่น ธีมนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ และหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงสุดในอาเซียน อย่างเวียดนาม
ปีนี้เป็นปีที่นักลงทุนจำเป็นต้องกลับมาจัดพอร์ตโดยเน้นลงทุนระยะยาว เพื่อให้สามารถรับแรงต้านจากดอกเบี้ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ ในอีกด้านก็ต้องทยอยเก็บหุ้นในธีมที่มีอนาคตดี เพราะปีนี้ หุ้นส่วนมากปรับราคาลงมามาก แต่ก็ยังมีแนวโน้มผันผวนอยู่เป็นระยะ ทำไม BBLAM ถึงกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะพอร์ตจะได้ผลตอบแทนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสองปัจจัย โดยปัจจัยแรก ได้แก่ ต้นทุนของหุ้นที่อยู่ในพอร์ต และปัจจัยที่สอง จังหวะที่หุ้นปรับตัวขึ้นมาเมื่อเริ่มมีสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดี
ปัจจัยแรกเป็นสิ่งที่นักลงทุนสามารถกำหนดเองได้ โดยการทยอยสะสมหุ้นที่มีอนาคตดี เมื่อราคาหุ้นลงมาโดยเฉพาะในช่วงที่ปรับตัวลงมามากๆ ขณะที่ปัจจัยที่สองเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ได้แน่นอน แต่ที่แน่ๆ ถ้าเราหมั่นสะสมหุ้น ขณะที่ราคาตกลงมาไว้ เมื่อไรที่ตลาดปรับตัวขึ้นไป นักลงทุนจะได้ผลดีกว่าที่ไปไล่เก็บหุ้นตอนที่ตลาดขึ้น ดังนั้น ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องลงทุนระยะยาวแบบนี้ กองทุนลดหย่อนภาษีประเภท SSF ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่เหมาะสม
BCARESSF มีนโยบายลงทุนในกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ หรือ BCARE (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนเน้นลงทุนหุ้นของธุรกิจที่เน้นนวัตกรรมด้านสุขภาพ ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ชัดเจน ไม่นับเรื่องที่การดูแลสุขภาพเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานแล้ว อุตสาหกรรมสุขภาพยังได้รับแรงผลักดันให้เติบโตจากความต้องการการดูแลรักษาที่ยกระดับประสิทธิภาพดีขึ้นเรื่อยๆ โดยมีแรงผลักดันจากการขยายตัวของชนชั้นกลางทั่วโลก ซึ่งคนกลุ่มนี้มีรายได้ดี มีกำลังที่จะจ่าย
ประการถัดมา คือ การที่หลายประเทศชั้นนำในโลกเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มนี้มีกำลังจ่าย สิ่งนี้เป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมสุขภาพเร่งพัฒนาและผลิตยา รวมถึงนวัตกรรมสุขภาพที่ดูแลคนกลุ่มนี้ สุดท้ายก็เห็นกันมาแล้วว่า เมื่อมีโรคร้ายๆ ขึ้นมาใหม่ หรือที่มีอยู่เดิม นวัตกรรมทางการแพทย์นั้นสำคัญขนาดไหน
กองทุนต่อมาที่เป็นโอกาสน่าสะสม ได้แก่ B-VIETNAMSSF ซึ่งกองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเวียดนาม หรือ B-VIETNAM (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับเวียดนามนักลงทุนก็คงได้เห็นโอกาสเติบโตของประเทศนี้แล้วว่าเป็นอย่างไร
BBLAM มองว่า เวียดนามจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการเป็นฐานการผลิตของต่างชาติได้อยู่ ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินลงทุนตรงจะยังมีบทบาทสำคัญ ในเวลาเดียวกัน คนชั้นกลางของเวียดนามก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ทำให้พลังการบริโภคภายในประเทศก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตได้ด้วย เมื่อพูดถึงมูลค่าหุ้นว่าน่าลงทุนไหม ปัจจุบันหุ้นของเวียดนามเมื่อเปรียบเทียบในอาเซียนด้วยกันก็ถือว่ามีราคาถูก
ถึงแม้ว่า ทั้งกองทุน BCARESSF และ B-VIETNAMSSF จะมีนโยบายเข้าไปลงทุนโดยตรงในกองทุนหลักภายใต้การจัดการของ BBLAM แต่ก็จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนกัน