HILITE: BTG ปิดเทรดเช้าที่ 37.25 บาท ต่ำกว่า IPO 6.88%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 2, 2022 12:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

BTG ปิดเทรดเช้าที่ 37.25 บาท ลดลง 2.75 บาท (-6.88%) มูลค่าซื้อขาย 6,035.96 ล้านบาท จากราคาเปิด 39.75 บาท ราคาสูงสุด 39.75 บาท ราคาต่ำสุด 37.00 บาท

บล.ทรีนีตี้ ประเมินมูลค่าพื้นฐานสำหรับปี 2566 ของบมจ.เบทาโกร (BTG) ที่ 126,284 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นราคาเป้าหมายที่ 63 บาท โดยใช้ค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี -0.5SD ของ CPF TFG และ GFPT ซึ่งเป็นธุรกิจใกล้เคียงกันที่ 14.1 เท่า ทั้งนี้สาเหตุที่เราใช้ค่าเฉลี่ย PER -0.5SD เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีปี 2564 ที่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารได้รับผลกระทบจากราคาสัตว์บกที่อ่อนตัวลงอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคที่ลดลงภายใต้สถานการณ์ COVID-19 และผลจากภาวะอุปทานส่วนเกินชั่วคราวจากการระบาดของ ASF ในสุกร (การระบาดทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยต่างเทขายสุกรเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากการเสียหายทั้งฟาร์ม) ส่งผลให้ในปี 2564 ที่ผ่านมากำไรของธุรกิจในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารตกต่ำผิดปกติ และระดับ PER สูงผิดปกติ

คาดกำไรปี 65 ที่ 8,370 ล้านบาท เติบโต 728%YoY จากปัจจัยหนุนด้านราคาสัตว์บกทั้งสุกรขุนและไก่เนื้อที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลบวกต่อทั้งรายได้และอัตรากำไร แม้ว่าในส่วนของต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันก็ตาม แต่ยังมีน้ำหนักน้อยกว่าราคาสัตว์บกที่ปรับตัวขึ้น โดยราคาสุกรได้รับผลบวกจากอุปทานจากการเลี้ยงสุกรที่ลดลงหลังการระบาดของ ASF ขณะที่ราคาไก่ได้รับผลบวกจากการเปิดตลาดส่งออกใหม่ในหลายประเทศ

และคาดกำไรปี 66-67 ที่ 8,956 ล้านบาท (+7%YoY) และ 9,908 ล้านบาท (+11%YoY) ตามลำดับ แม้คาดราคาสัตว์บกจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ด้วยฐานสูงทำให้ไม่ใช่ปัจจัยหนุนให้เติบโตสูงเหมือนในปี 65 โดยปัจจัยหนุนหลักจะมาจากการขยายกำลังการผลิตในเกือบทุกธุรกิจ รวมถึงในธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น การขยายโรงงานแปรรูปอาหารและเนื้อสัตว์ และโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อทั้งยอดขายและอัตรากำไรโดยรวม

BTG เป็นผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารชั้นนำของไทย มีประสบการณ์ในการดำเนินงานในไทยมากว่า 50 ปี โดยมีรูปแบบการทำธุรกิจแบบครบวงจร ครอบคลุมในหลายด้านของห่วงโซ่การผลิต โดยแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในประเทศไทย ได้แก่ "BETAGRO" "S-Pure" "ITOHAM" "Better Phama" "Nexgen" "DOG n joy" "CAT n joy" และ "Perfecta" เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ