ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก"เบอร์นันเก้"คาดศก.สหรัฐถดถอย ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 48.53 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 3, 2008 06:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรสว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไร  นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ทำให้นักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 48.53 จุด หรือ 0.38% แตะระดับ 12,605.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 2.65 จุด หรือ 0.19% แตะระดับ 1,367.53 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 1.35 จุด หรือ 0.06% แตะระดับ 2,361.40 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 4.19 พันล้านหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับวันอังคารที่ 4.65 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 3
เมื่อคืนนี้ เบอร์นันเก้แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการแห่งสภาคองเกรส โดยเขายอมรับเป็นครั้งแรกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในปลายปีนี้ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้วหลายครั้ง และการใช้มาตรการด้านอื่นๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ริชาร์ด คลิปส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทสตีเฟน นิโคลาส์ กล่าวว่า "การที่เบอร์นันเก้ออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอย และราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะ Stagflation โดยราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินภายในประเทศพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง"
"อย่างไรก็ตาม นักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเบอร์นันเก้มีความโปร่งใสมากขึ้นที่กล้ายอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอย และบรรยากาศการแถลงต่อสภาคองเกรสก็ไม่มีประเด็นใดๆที่ทำให้ตึงเครียด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบไม่มากนัก"
ในการแถลงต่อสภาคองเกรสครั้งนี้ เบอร์นันเก้ชี้แจงว่าสาเหตุที่เฟดยื่นมือเข้าแทรกแซงวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับแบร์ สเติร์นส์ด้วยการจัดหาเงินทุนให้กับเจพีมอร์แกนเพื่อเข้าซื้อกิจการแบร์ สเติร์นส์นั้น ก็เพราะเกรงว่ากรณีของแบร์ สเติร์นส์อาจสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดและอาจลุกลามจนยากที่จะควบคุม
ทั้งนี้ ห้นแบร์ สเติร์นส์ ดีดขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 10.86 ดอลลาร์ แต่ะหุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 38 เซนต์ ปิดที่ 46.24 ดอลลาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ