ชิ้นส่วนยางซิลิโคนและพลาสติก เป็นองค์ประกอบภายในสินค้าต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวในชีวิตประจำวันของเรา ไม่เพียงแต่ในสินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ หรือแม้กระทั่งเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ นับว่าเป็นเค้กก้อนใหญ่ที่แบ่งกันไม่มีวันหมด แต่การจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจนี้ ต้องไม่ใช่เพียงแค่การผลิตสินค้า แต่ยังต้องพัฒนานวัตกรรมไปพร้อมกับบริการลูกค้าแบบครบวงจร นั่นคือสิ่งที่ บมจ.โพลีเน็ต (POLY) ใช้เป็นกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี
ทั้งนี้ POLY เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 6.80 บาท จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 26.7% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ ล่าสุด เปิดให้จองซื้อ 9-11 พ.ย.65 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจยานยนต์ (AUTO) ในวันที่ 16 พ.ย.65 นี้
*เปิดพอร์ต 3 กลุ่มลูกค้าหลัก เติบโตผ่านนวัตกรรม
นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร POLY เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางซิลิโคนและพลาสติกขึ้นรูปตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันอยู่ในทั้งหมด 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ : Automotive 2) อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ : Medical และ 3) อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค : Consumer Products
"แรก ๆ เราอาจจะมุ่งไปทาง Automotive ซะเป็นส่วนใหญ่ สมัยก่อนพอร์ตเราอยู่ในนั้นสัก 70% เลย แต่ว่าปัจจุบันนี้เราก็พยายามเพิ่มพอร์ต Consumer Products และ Medical ขึ้นมา จะเห็นได้ว่าปี 65 นี้เองพอร์ตของ Automotive จะลดต่ำกว่า 50% อยู่ที่ราว 48-50% ในขณะที่ Consumer Products จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 35% ที่เหลือจะอยู่ในกลุ่มของ Medical" นางกาญจนา กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์นั้น บริษัทจะเน้นสินค้าประเภท Interior Part อาทิ หน้ากากช่องแอร์ ยางขอบประตู และอื่น ๆ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นลูกค้าในธุรกิจ Car Maker ทางญี่ปุ่น เช่น Toyota, Honda, Nissan รวมถึงค่ายรถชั้นนำของยุโรปด้วยอย่าง BMW และ Audi
"ทุกวันนี้ สิ่งที่นักธุรกิจใน Automotive เขากังวลกัน คือเรื่อง EV Car แต่อย่างที่บอกว่า POLY เราไม่ได้ทำในส่วนของ Engine Part ที่เป็นส่วนเครื่องยนต์ เราทำเรื่องของความสวยงาม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สันดาปหรือ EV ก็ไม่กระทบอะไรกับเราอยู่ดี" นางกาญจนา กล่าว
ขณะที่รายได้ส่วน Non-Automotive อย่าง อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ผู้บริโภคมักนึกถึงเพียงแค่ สายน้ำเกลือ หรือ กระบอกฉีดยา แต่ทางบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่มากกว่านั้น เพราะสิ่งที่ POLY ทำคือเป็นสินค้านวัตกรรม อาทิ ชิ้นส่วนเครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือด (Elastomeric Pump), ชิ้นส่วนเครื่องให้ออกซิเจน (Breathe Pillow Entrainment Interface) หรือ ตัวล็อกเข็มฉีดยา (Q-FLO, Q-LOCK) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสยาโดยตรง เป็นต้น
"เรามองอุตสาหกรรม Medical ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก แม้การ Validation จะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานหลายปี แต่บริษัทก็ยังมุ่งมั่นและพร้อมที่จะเติบโตไปในแนวของนวัตกรรมที่จะทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดน้อยลงในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ต่อไป"นางกาญจนา กล่าว
ส่วนอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทผลิตสินค้าให้กับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำต่าง ๆ อาทิ Sharp Panasonic และ Toshiba เป็นสินค้าประเภทซีลยางในกระติกน้ำร้อน-หม้อหุงข้าว เป็นต้น แต่ปัจจุบันบริษัทเริ่มมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ตามเมกะเทรนด์โลกอย่างการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ถุงซิลิโคนใส่อาหารที่ทนอุณภูมิร้อน-เย็น ทำให้ผู้บริโภคจัดเก็บอาหารได้อย่างสะดวก และลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกได้
*ชูจุดแข็ง One-Stop Services เล็งผลงานปี 65 โตต่อเนื่อง
"จริง ๆ ถามว่าเรามีการแข่งขันไหม อย่างที่เราบอกว่า ไม่อยากเรียกว่าแข่งขัน เพราะรอบตัวมันมีชิ้นส่วนพลาสติกและยางมากมายเลย แบ่งเค้กกันไม่หมด แต่ถ้าจำเป็นต้องแข่งขัน POLY ก็มีความแข็งแกร่ง เรียกว่า 4M" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจในรูปแบบการให้บริการครบวงจร (One-Stop Services) ตั้งแต่การออกแบบผลิตแม่พิมพ์ คิดค้นพัฒนาสูตรการผลิต ตลอดจนการขึ้นรูปชิ้นงาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้กความต้องการ สามารถจำแนกเป็นหลัก 4M ได้แก่
1) M : Model ที่ทางบริษัทมีจุดแข็งสำคัญคือการมีโรงทำแม่พิมพ์เอง ซึ่งแม่พิมพ์นับว่าเป็นองค์ประกอบหลักในการขึ้นรูปยางและพลาสติก
2) M : Material ซึ่งทางบริษัทมีโรงงาน Mixing ยางของตัวเอง ทำให้สามารถสร้างสูตรผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้
3) M : Man ให้ความสำคัญต่อบุคลากร โดยมีศูนย์ Learning Center สำหรับพนักงาน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงาน เช่น สนามกีฬา หอพระ
และสุดท้ายคือ 4) M : Method ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและได้รับมาตรฐานต่าง ๆ อาทิ ISO9001:2015 ระบบบริหารงานคุณภาพตามมาตรฐานสากล หรือ IATF16949 มาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เป็นต้น
จากกลยุทธ์ดำเนินงาน 4M ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 62-64) บริษัทมีรายได้รวม 581.7 ล้านบาท 523.2 ล้านบาท และ 787.1 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากการขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.1 ล้านบาท 21.8 ล้านบาท และ 120.9 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนผลงานครึ่งแรกของปี 65 นั้น ทำรายได้ไปมากกว่า 520 ล้านบาทแล้ว และมีกำไรสุทธิ 78.5 ล้านบาท คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีก็จะมีทิศทางการเติบโตที่ดีเช่นกัน
*ระดมทุนขยายกำลังการผลิต พร้อมพิชิตทุกอุตสาหกรรม
วัตถุประสงค์การใช้เงินระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ บริษัทแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และใช้สำหรับลงทุนในโครงการขยายโรงงานและเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต
"POLY มีโรงงานอยู่ 2 แห่ง โรงงานแรกเป็นสำนักงานใหญ่ด้วย ทำเรื่อง Automotive และ Consumer Products ส่วนโรงงานแห่งที่สองจะทำเรื่อง Medical ตอนนี้กำลังผลิตรวมของเราใกล้ ๆ สัก 80% แล้ว ดังนั้นถ้ามีลูกค้าหรือสินค้าใหม่ ๆ สิ่งที่เราต้องลงทุนเพิ่ม จะเพิ่มแค่เครื่องจักรเท่านั้น ส่วนเรื่อง Facility หรือ Infrastructure เราได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะฉะนั้นเครื่องจักรรอบนี้ จะมาซัพพอร์ตทางด้าน Medical และ Consumer Products มากขึ้น" นางกาญจนากล่าว
นางกาญจนา กล่าวอีกว่า แผนธุรกิจระยะยาวของ POLY เพื่อลดความเสี่ยงของการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง หรือลูกค้ารายใดรายหนึ่ง โดยมีแผนจัดการให้พอร์ตมีความสมดุล แม้ในอดีตจะเคยถือพอร์ตใน Automotive ค่อนข้างสูง ส่วน Consumer Products และ Medical เป็นสัดส่วนที่น้อย แต่ในอนาคตจะพยายามบาลานซ์ให้เป็นพอร์ตละประมาณ 30%
"แน่นอนว่าเรามองไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีก เพราะอย่างที่บอกว่าพลาสติกและยางมันอยู่ในชีวิตเรา อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ใน 3 อุตสาหกรรมหลักที่เรากล่าวไป เราอาจจะมองไปถึงเรื่องของพลังงาน หรือระบบรถไฟฟ้าก็ได้ และ POLY ไม่ได้ไปได้ทุกอุตสาหกรรม แต่เรายังไปด้วยนวัตกรรม เพื่อเตรียมพร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ที่เป็นโอกาสในการเติบโตของเรา" นางกาญจนา กล่าว
https://youtu.be/z07_Ee9cA1I