นายโรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยผลการดำเนินงานและผลประกอบการทางด้านการเงินไตรมาสที่ 3/65 โดยบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 137 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5,027 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 206 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7,156 ล้านบาท) ในไตรมาสก่อน โดยได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต็อคน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาสนี้ ประกอบกับค่าการกลั่นตลาดที่อ่อนตัวลง
ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนก.ค. จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก การล็อกดาวน์ในประเทศจีน และความต้องการใช้น้ำมันที่ถูกกดดันจากกลุ่มประเทศผู้บริโภคที่ใช้สกุลเงินอื่น (non-USD) เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ค่าการกลั่นทางการตลาดเฉลี่ยในไตรมาส 3/65 ลดลงมาอยู่ที่ 6.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จาก 18.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสก่อน อันเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปต่อน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงโดยได้แรงกดดันจากความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ลดลง ปริมาณน้ำมันชนิดเบาคงคลังที่สูงซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย การส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากประเทศจีน และการปรับตัวสูงขึ้นของค่าพรีเมี่ยมน้ำมันดิบ
SPRC ยังคงดำเนินการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพโดยการเลือกใช้น้ำมันดิบที่เหมาะสมและเพิ่มการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศและการสร้างอัตรากำไรสูงสุด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังรักษาค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ให้อยู่ในระดับต่ำ โดยมี OPEX ที่ไม่รวมรายการพิเศษน้อยกว่า 2.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งยังรักษาระดับของหนี้สินรวมถึงอัตราส่วนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้
SPRC ยังคงศึกษาและประเมินโอกาสทางธุรกิจในอนาคตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้น ตลอดจนการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ (T&I) ในปี 68 พร้อมทั้งยังคงรักษาผลตอบแทนในระดับสูง และเตรียมความพร้อมสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต