IRPC ปรับลง 3.09% หรือลดลง 0.10 บาท มาที่ 3.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 151.50 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.12 น. จากราคาเปิด 3.20 บาท ราคาสูงสุด 3.22 บาท ราคาต่ำสุด 3.12 บาท
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ "ขาย"หุ้นบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท จากที่ไตรมาส 3/65 ขาดทุน เพราะธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมีอ่อนแอ แถมยังขาดทุนจากสต็อกอีก
ผลประกอบการไตรมาส 3/65 ขาดทุนสุทธิ 2.5 พันล้านบาท (-0.12 บาท/หุ้น) จากที่มีกำไร 3.8 พันล้านบาทในไตรมาส 2/65 ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจได้แก่ i) market GRM ลดลงมาอยู่ที่ US$4.0 จาก US$15.7 ในไตรมาส 2/65 ii) อัตราการกลั่นลดลงมาอยู่ที่ 88% จาก 92% ในไตรมาส 2/65 iii) มีผลขาดทุนจากสต็อกสุทธิ 4.0 พันล้านบาท (รวม LCM และการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันด้วย) จากที่ขาดทุน 1.3 พันล้านบาทในไตรมาส 2/65 iv) มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 312 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 280 ล้านบาทในไตรมาส 2/65
ทั้งนี้ Crack spread ของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลลดลง qoq แต่ crude premium เพิ่มขึ้น US$1.9/bbl qoq เป็น US$9.7 ผลการดำเนินงานของธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนแอลง qoq จากการที่จีนยังใช้มาตรการ lockdown ซึ่งฉุดให้ spread ลดลงทั้งของ HDPE (-US$96/t qoq เหลือ US$421), PP (-US$83/t เหลือ US$367) และ ABS (-US$233/t เหลือ US$799) โดยในไตรมาส 3/65 ธุรกิจปิโตรเคมีช่วยหนุน GIM US$1.1 จาก US$3.0 ในไตรมาส 2/65 ส่วนธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นก็ช่วยหนุนเพิ่มขึ้น qoq เป็น US$1.3 จาก US$0.7 ในไตรมาส 2/65 เพราะมีการตุนสต็อกเพื่อซื้อขายในไตรมาส 4/65 ดังนั้น market GIM จึงลดลงเหลือ US$6.4 จาก US$20.2 ใน 2Q ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ 2.5 พันล้านบาท (-0.12 บาท/หุ้น) จากที่มีกำไร 3.8 พันล้านบาทในไตรมาส 2/65
แนวโน้ม คาดว่าผลการดำเนินงานจะยังอ่อนแอในไตรมาส 4/65 ถึงแม้ว่า crude premium จะลดลงในไตรมาส 4/65 แต่ IRPC จะปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นนาน 30 วัน ซึ่งจะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือเพียง 63% นอกจากนี้ spread ปิโตรเคมียังอ่อนแอลง qoq ในเดือนตุลาคมด้วย ดังนั้น เราจึงคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/65 น่าจะยังอ่อนแอ