นายศักดิ์ชัย ธรรมสุรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดหาและวางแผนธุรกิจ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินค่าการกลั่นไตรมาส 4/65 น่าจะอยู่ราว 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ใกล้เคียงหรือดีกว่าไตรมาส 3/65 เนื่องปัจจัยฤดูหนาว และค่าพรีเมียมของน้ำมันดิบยังไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ในปี 66 ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องติดตาม ทั้งภาวะตลาด และเศรษฐกิจโลก แต่หากประเมินจากปัจจัยพื้นฐานดีมานด์ยังเติบโตได้ดี ทำให้มองว่าค่าการกลั่นปี 66 น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากจากระดับปกติมากนัก หรืออยู่ราว 5-7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 4/65 และปี 66 คาดจะยังอยู่ในระดับสูงราว 80-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมองภาพรวมตลาดน้ำมันในปี 66 คาดว่าดีมานด์จะได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนจากการใช้ก๊าซฯ มาเป็นน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันราคาก๊าซที่สูงขึ้นอย่างมากในฝั่งยุโรป จะสนับสนุนให้ดีมานด์น้ำมันสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงคาดว่าประเทศจีนจะมีการผ่อนคลายนโยบายโควิด-19 ทำให้จะมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจจีนมากขึ้น อย่างไรก็ตามทั่วโลกก็ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่
ขณะที่ภาพรวมสต็อกน้ำมันคงคลัง ทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้น ท่ามกลางการแบนน้ำมันจากประเทศรัสเซีย ส่งผลให้น้ำมัน โดยเฉพาะ Gas oil ที่จากเดิมยุโรปมีการนำเข้าจากรัสเซียค่อนข้างมาก ทำให้น้ำมันชนิดนี้อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ส่วนน้ำมันประเภทแก๊สโซลีน ก็อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน
ส่วนการลงทุนในปี 66 บริษัทฯ คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนปกติสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพและการดูแลเรื่องความปลอดภัย ส่วนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นจะเกิดขึ้นทุกๆ 6 ปี โดยรอบหน้าจะอยู่ที่ปี 68 ขณะที่การมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ จะเน้นไป ใน 3 ส่วนคือ การขยาย Value chain ของธุรกิจ, ธุริกจที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจโรงกลั่นไปยังธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจที่เกี่ยวกับ New Energy อย่างพลังงานทดแทน เป็นตัน
ความคืบหน้าในเรื่องของการประกันภัยสำหรับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล ได้มีการทำเรื่องเคลมประกันไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการสืบสวนและสอบสวนในเรื่องของสาเหตุเกิดจากอะไร ถึงจะทราบจำนวนเงินที่จะได้รับจากการคุ้มครองครองจากประกันภัย