บมจ.เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส(SECC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เปลี่ยนแปลงแผนเพิ่มทุน โดยให้ปรับมาเป็นการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 520,000,000 บาท เป็น 1,029,776,550 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน509,776,550 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 509,776,550 บาท
ทั้งนี้ ให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวขายให้กับผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง(PP)จำนวน 100 ล้านหุ้น ในราคาไม่ต่ำกว่า 5.06 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นระหว่างวันที่ 24 มีนาคม-1 เมษายน 2551 และ จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 409,776,550 หุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2 บาท
บริษัทจะดำเนินการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนและอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน แต่กรณีที่บริษัทไม่สามารถเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงได้ครบตามจำนวนภายในระยะเวลา 3 เดือน จะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
ส่วนอีกจำนวน 110,223,450 หุ้น ที่ยังไม่จัดสรร เพื่อรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 และใบสำคัญแสดงสิทธิ-ESOP
การเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อให้บริษัทมีเงินทุนเพียงพอต่อการรองรับการดำเนินงานของบริษัทในปัจจุบัน และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของบริษัทในอนาคต
จากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัทเมื่อ 25 มี.ค.51 มีมติเพิ่มทุนจาก 520 ล้านบาทเป็น 983,818,573 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 463,818,573 หุ้น จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 409,593,550 หุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2 บาท
นายสมพงษ์ กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทฯ ได้ตัดสินใจปรับแผนเพิ่มทุนเป็นขายให้นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้รับการติดต่อจากผู้ลงทุนที่มีความสนใจเข้าลงทุนในบริษัท ซึ่งบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการเข้าลงทุนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และเห็นว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ SECC ได้รับประโยชน์ คือหากสามารถจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงได้ครบตามเป้าหมาย บริษัทจะได้รับเงินที่มากขึ้นขณะที่เสนอขาย หุ้นเพิ่มทุนในจำนวนที่น้อยลง อีกทั้งผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้น(Price Dilution) รวมทั้งผลกระทบต่อส่วนแบ่งกำไรและสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิม (Control Dilution) จะน้อยลง ดังนั้น คณะกรรมการบริษัท จึงมีมติว่าควรเพิ่มทางเลือกในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน
"คณะกรรมการได้ตัดสินใจปรับแผนเพิ่มทุนใหม่เพราะนอกจากจะมีนักลงทุนสนใจจะเข้ามาลงทุนในหุ้นของ SECC แล้ว การกำหนดราคาเสนอขายที่หุ้นละ 5.06 บาท นับเป็นผลดีกับบริษัทมากกว่า เพราะเพิ่มทุนเพียง 100 ล้านหุ้น แต่ผลกระทบที่เกิดกับราคาหุ้นบนกระดาน และส่วนแบ่งกำไร รวมทั้งสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิมก็น้อยกว่าการเพิ่มทุนด้วยวิธีการเดิม ในขณะที่เม็ดเงินที่ได้รับก็อาจจะสูงกว่าหากสามารถกำหนดราคาขายได้ในราคาที่สูงกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนดไว้ และหากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้ คาดว่ากระบวนเพิ่มทุนล็อตนี้จะเสร็จสิ้นลงภายในไตรมาสที่ 3/51" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า แม้จะมีการปรับแผนเพิ่มทุนให้ต่างไปจากเดิม แต่เป้าหมายของการระดมทุน ยังเป็นเป้าหมายเดิม คือ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ชะลอการลงทุนลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะแผนการลงทุนของภาครัฐในโครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งและลอจิสติกส์ ขนาดใหญ่ที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และถือเป็นโครงการที่อยู่ในขอบข่ายที่บริษัทสามารถลงทุนได้ หากเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและมีแนวโน้มสร้างรายได้ที่ชัดเจนในอนาคต ดังนั้น จึงได้เตรียมความพร้อมของเม็ดเงินที่จะใช้ในการลงทุนไว้เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--