(เพิ่มเติม) DIMETคาดยอดขายสีรถยนต์งวดปี 51/52(สิ้นสุดมิ.ย.52)โตได้กว่า 10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 3, 2008 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุรพล รุจิกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไดเมท (สยาม) หรือ DIMET เปิดเผยว่า บริษัทเซ็นสัญญาร่วมกับบริษัท PPG Coatings(Thailand)เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีพ่นรถยนต์สำหรับใช้ในการซ่อมยี่ห้อ BILUX และสัญญาฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 เป็นระยะเวลา 3 ปี บริษัทจะเน้นการทำการตลาดโดยเจาะกลุ่มลูกค้า เช่น อู่ซ่อมรถยนต์ และผู้จำหน่ายสี 
นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มทีมงานฝ่ายขายเพื่อเน้นเจาะตลาดสีรถยนต์โดยเฉพาะ คาดว่าจะทำให้สัดส่วนรายได้จากสีพ่นรถยนต์ของปี 51-52 อยู่ที่ 10-15%
นายสุรพล กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่บริษัทมีสินค้าใหม่ คือ สีพ่นรถยนต์เพิ่มขึ้นอีก 1 ประเภท น่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในงวดปีหน้า (ก.ค.51-มิ.ย.52) ซึ่งจะรับรู้รายได้จากสีพ่นรถยนต์ทั้งปี น่าจะมีการขยายตัวมากกว่าปีนี้ (ก.ค.50-มิ.ย.51) ที่คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10%
สำหรับสัดส่วนรายได้ของสีแต่ละประเภทในปี 51/52 จะเป็นสีป้องกันสนิมประมาณ 40% สีไม้ 30% สีพ่นรถยนต์ 10-15% ที่เหลือเป็นสีอุตสาหกรรมและสีทาบ้าน
นายสุรพล กล่าวต่อว่า ในงวดไตรมาส 3(ม.ค.-มี.ค.51)ยอดขายจะดีกว่างวดปีก่อน 10% ที่มี 73 ล้านบาท โดยมาจากสีป้องกันสนิม และยอดส่งออกจาก PPG
"ทั้งปีก็ยังเชื่อว่ายอดขายงวดปี 51/52 โต 10% บริษัทได้เข้าไปเป็นตัวแทนขายสี BILUX ซึ่งจะทำให้เพิ่มยอดขายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มรายได้เพื่อชดเชยยอดซื้อจากสีทาไม้และสีทาอาคารที่ลดลงจากปัญหาค่าเงินที่แข็งค่า ที่ผ่านมาจากปัญหาค่าเงินที่แข็งค่าได้ส่งผลกระทบต่อยอดซื้อสีทาไม้สีทาอาคารลดลงแต่ไม่ถึง 10% จากปัญหาดังกล่าวบริษัทก็จะมีการปรับปรุงคุณภาพ รวมถึงการลด cost เพื่อมาทดแทนปัญหาค่าเงินบาทและยังเป็นการควบคุมไม่ให้เกินค่าใช้จ่าย"นายสุรพล กล่าว
นายสุรพล กล่าวต่อว่า จากปัญหาเงินบาทแข็งค่า ทำให้บริษัทมีแผนจะเจรจากับ PPG ในการกำหนดราคาขายเป็นเงินบาท จากปัจจุบันกำหนดเป็นสกุลดอลลาร์
ปัจจุบัน PPG มีตลาดที่ฟิลิปปินส์ ขณะที่เวียดนามอยู่ระหว่างเจรจา คาดว่าจะเห็นการส่งสินค้าประเภทสีกันสนิมได้ในงวดปีหน้า และในปีนี้ตั้งเป้าขยายสัดส่วนการส่งออกเป็น 5% จากเดิมอยู่ที่ 3% โดยหลัก ๆ มาจาก PPG
"ยอมรับว่าจากค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ต้นทุนเราเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่น่าจะถึงกับกระทบกับกำไรของบริษัท เพราะภายใต้ที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ก็ทำให้เรามีค่าใช้จ่ายที่น้อยลงจากสินค้าที่เราสั่งมา ส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเราได้มีการปรับราคาบ้างกับลูกค้าบางราย" นายสุรพล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ