นายภิภพ วาสนาอาชาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจภาพรวมรายได้ในปี 65 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 5-10% โดยทิศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/65 ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ แม้ว่าในช่วงเดือน ต.ค. ยอดขายจะมีการชะลอตัวไปบ้างตามผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ยังอยู่ในทิศทางเชิงบวกแบบตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ (Low-Single Digit)
ทั้งนี้นับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. 65 เป็นต้นมา ตัวเลข SSSG ค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นมาตามลำดับแล้ว ซึ่งหากว่าไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบรุนแรงอีกครั้งก็คาดว่า SSSG จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. นี้ เพราะมองว่ายังมีความต้องการซ่อมแซมบ้านค่อนข้างมาก และราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจะเป็นส่วนหนุนให้มาร์จิ้นในช่วงที่เหลือของปีปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย
ขณะที่ปี 66 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโต 5-10% ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งตลาดในประเทศ และ ต่างประเทศ ที่บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ปรับปรุงสาขาเดิมให้ดูทันสมัย และ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ
โดยบริษัทวางเป้าหมายที่จะขยายสาขาในประเทศ 7-8 สาขาต่อปี และ จะมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องไปตามเป้าหมายที่จะมีสาขาครบ 101 สาขา ในปี 68 จากปีนี้จะมีสาขา 77 สาขา
สำหรับประเทศกัมพูชา มองว่าความต้องการวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ และมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก บริษัทจึงได้เตรียมขยายสาขาใหม่ในปี 66 อีก 1 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 1 แห่ง ด้านสปป.ลาว ก็มีการขยายตัวของธุรกิจที่ค่อนข้างดี โดยปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 7 แห่ง ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายเฉลี่ย 3-4 สาขา ไปจนถึงปี 68 โดยจะเน้นในพื้นที่ภาคเหนือที่มีชายแดนติดกับประเทศจีนเป็นหลัก
ส่วนประเทศเมียนมา ในช่วง 9 เดือนแรกของปีมีการขยายสาขาไปแล้ว 3 สาขารวมเป็น 11 สาขา และต่อจากนี้ 4 ปี บริษัทจะมีการขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 6 สาขาต่อปี ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียที่บริษัทไปร่วมลงทุนกับพันธมิต่ที่มีศักยภาพในท้องถิ่น ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 11 สาขา และในวันที่ 12 พ.ย. 65 จะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา โดยแผนการลงทุนใน 4 ปีจากนี้จะเปิดสาขาใหม่ให้ได้ไม่น้อยกว่า 2-3 สาขาต่อปี
สำหรับประเทศฟิลิปปินส์นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้งบริษัท และวางแผนงานก่อสร้าง คาดว่าในปี 66 จะเริ่มดำเนินการได้ ซึ่งมีแผนจะขยายสาขาอย่างน้อย 2-3 แห่ง