JAS ปรับลง 2.50% หรือลดลลง 0.06 บาท มาที่ 2.34 บาท มูลค่าซื้อขาย 62.24 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.40 น. จากราคาเปิด 2.36 บาท ราคาสูงสุด 2.38 บาท ราคาต่ำสุด 2.32 บาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมอง Slightly negative ต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ของ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ขาดทุนสุทธิ -726 ล้านบาท แย่ลง y-y และ q-q หากหักผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนรายไตรมาส ธุรกิจปกติขาดทุน -577 ล้านบาท แย่ลง y-y และ q-q เนื่องจาก 1) รายได้รวมทรงตัวจากธุรกิจเทคโนโลยี โซลูชั่นฯ มีรายได้เติบโตชดเชยรายได้ที่ลดลงของธุรกิจบรอดแบนด์ตามจำนวนผู้ใช้งาน และ ARPU 2) ต้นทุนบริการรวมสูงขึ้นจากต้นทุนของทั้ง 2 ธุรกิจ ฉุด %Gross margin รวมลดลงเหลือ 25.6% และ 3) ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นกว่ารายได้
แนวโน้มไตรมาส 4/65 เบื้องต้นเราคาดว่าธุรกิจปกติ (ไม่รวมผลอัตราแลกเปลี่ยน) จะขาดทุนราว 300-400 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาส 4/64 ที่ขาดทุน -631 ล้านบาท และไตรมาส 3/65 เนื่องจากคาดว่าธุรกิจบรอดแบนด์จะไม่มีผลกระทบต้นทุนส่วนเพิ่มเหมือนไตรมาส 3/65 และธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์คาดว่าจะมีผลกระทบลดลงจากการเหวี่ยงตัวของราคาตลาด
อย่างไรก็ตาม เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการปี 65-67 F สะท้อน 1) จำนวนผู้ใช้รายใหม่ของธุรกิจบรอดแบนด์มีแนวโน้มเติบโตน้อยกว่าคาด และ 2) %Gross margin รวมมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดจาก %Gross margin ของธุรกิจบรอดแบนด์มีต้นทุนสูงกว่าคาด
นอกจากนี้ยังมีประเด็นต้องติดตามคือ การตัดสินใจของ ADVANC ในการซื้อ TTTBB และ JASIF ซึ่งกรณี ADVANC เดินหน้าซื้อหุ้น TTTBB และ JASIF โดยยังคงราคาเสนอซื้อตามเดิม เราคาดว่า JAS จะบันทึกกำไรพิเศษจากธุรกรรมครั้งนี้ และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษอัตราหุ้นละ 0.96 บาท (yield 40%) มองว่านักลงทุนที่ลงทุนหุ้น JAS อยู่แล้ว สามารถถือเพื่อรอดูการตัดสินใจของ ADVANC