นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เบทาโกร (BTG) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/65 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หรือ อาจจะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 3/65 ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลาย หนุนให้กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว และ มีความต้องการในการบริโภคอยู่ในระดับสูง แต่ปริมาณ Supply ที่มีอยู่อย่างจำกัด หนุนให้ราคาสินค้ากลุ่มอาหารและโปรตีนทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
ทิศทางราคาอาหารสัตว์ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการปรับลดลงมาบ้างในช่วงของฤดูกาลเก็บเกี่ยวในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอาหารโดยเฉพาะในกลุ่มโปรตีนยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปริมาณ Supply ที่ไม่สูงมากนักเนื่องจากวงจรการผลิตไก่เนื้อและหมูขุนยังมีปัญหา โดยเฉพาะหมูได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (African Swine Fever: ASF) ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมในปี 66 มองว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการบริโภคยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Supply มีอยู่ค่อนข้างจำกัด ขณะที่การส่งออกมองว่ายังสามารถเติบโตได้ ซึ่งอาหารจากประเทศไทยมีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนโดยรวมอยู่ในปัจจุบัน
นายวสิษฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่ปัจจุบัน 1,500 ล้านหุ้น โดยมีหุ้นติดไซเลนต์พีเรียดจำนวน 55% เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งอยากจะย้ำและยืนยันว่าผู้ถือหุ้นเดิมไม่ได้มีการขายหุ้นออกมาเลย