นาย
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.
อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 6,500 ล้านบาท หรือเติบโต 24% จากปีก่อน โดยในช่วงไตรมาส 4/65 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ตามภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศที่คาดว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น และ ยังมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ให้กับแบรนด์อื่นๆเพิ่มเติมอีก 3 ราย ในช่วงไตรมาส 4/65
โดยในช่วงไตรมาส 4/65 บริษัทมีกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปในกลุ่มสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ โดยได้เปิดตัวสินค้าใหม่ชื่อ อิชิตัน คาเทชิน ไปเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่าน และ เตรียมที่จะเปิดตัวอิชิตัน น้ำด่าง ที่มีส่วนผสมของสาร CBD , ชิซึโอกะ เก็นไมฉะ+มัทฉะ ในเดือน ธ.ค. 65 นี้ ต่อมาคือกลุ่มสินค้าที่ส่งมอบความเหนือชั้นที่เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้า โดยได้เปิดตัว tansansu ไปเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่เข้าไปทดลองดื่ม โดยบริษัทคาดว่าจะมียอดขายเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/65 ราว 150 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีการบริหารจัดการต้นทุนที่มีศักยภาพขึ้นด้วยการปรับสูตรของผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ลดน้ำตาลลง เพื่อที่จะลดภาษีน้ำตาลที่เตรียมจะเรียกเก็บในอนาคต ใ
นายตัน กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทได้ใช้กำลังการผลิตอยู่ราว 66% ซึ่งสูงกว่าช่วงที่ผ่านมาที่ 59% จากกำลังการผลิตรวม 1,500 ล้านขวด/ปี และ 200 ล้านกล่อง/ปี จะเป็นปัจจัยหนุนให้ทิศทางอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/65 สำหรับทิศทางรายได้ในปี 66 คาดว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยจะได้รับปัจจัยหหนุนการเติบโตของตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียที่คาดว่าจะมีการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้เน้นการขยายงานด้าน OEM เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าหลายราย ทั้งที่อยู่ในตลาดสินค้าชนิดเดียวกัน และ ตลาดอื่นๆ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปี 66 ราว 150 ล้านบาท
โดย สมบูรณ์เกียรติ พานิชเจริญ/เสาวลักษณ์ อวยพร