นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/65 กลุ่มบริษัท CKP มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้รวม 3,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 986 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 64 ที่มีรายได้รวม 2,509 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39%
แม้ว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ตลาดโลก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 964 ล้านบาท แต่ก็มีปัจจัยบวกจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 235 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปี 64 ตามปริมาณน้ำเฉลี่ยที่ไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในไตรมาส 3 ที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 38% ทำให้โรงไฟฟ้ามีระดับการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าใกล้เคียงกับกำลังการผลิตสูงสุดตลอดทั้งไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 1,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 227 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1,235 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนของปีนี้ก็เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน โดยมีรายได้รวม 8,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,792 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 64 ที่มีรายได้รวม 6,905 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26% และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 2,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 2,057 ล้านบาท โดยปัจจัยบวกมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันและบริษัทร่วมที่เติบโตขึ้นถึง 33% หรือโตขึ้น 505 ล้านบาท ตามปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่มากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 26% ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิถึง 2,364 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3/65 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรีมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ CKP มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่ผู้ถือหุ้น
โดยเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งได้คงอันดับเครดิตองค์กรของ CKP ที่อันดับ "A" แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" จากการที่บริษัทฯ มีกระแสเงินสดรับสม่ำเสมอ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้ซื้อที่น่าเชื่อถือ
"ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และภาพรวมผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 65 น่าจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด ที่เริ่มสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ ขณะเดียวกัน เป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำของ CKP จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทฯ ที่มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 93 และยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 93" นายธนวัฒน์ กล่าว