นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดเผยว่า ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/65 ยังคงเน้นกลยุทธ์การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และคาดว่ารายได้จะยังคงเติบโตได้ดี จากในส่วนของกลุ่มสินค้าในปัจจุบัน และการออกสินค้าใหม่ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายร่วมกับพันธมิตรหลักทางธุรกิจ จึงส่งผลทำให้ยอดขายของบริษัทสามารถเติบโตตามพันธมิตรทางการค้า ในฐานะ Key Strategic Partner ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนรายได้ในปีนี้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงยังได้แรงหนุนจากยอดขายของกลุ่ม B2C และ License Business เข้ามาเสริม
โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจ License Business ล่าสุด ได้พันธมิตรรายใหญ่อย่าง บริษัท LINE ประเทศไทย โดยร่วมมือผลักดันครีเอเตอร์ไทยที่มีศักยภาพในสังกัด LINE CREATORS เจ้าของ 12 คาแรคเตอร์ฮิตที่โด่งดังจาก LINE STICKERS ในประเทศไทย เข้ามาเสริมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ License เพื่อเป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์อื่นๆ ของบริษัทฯ ต่อยอดจากกลุ่มคาแรคเตอร์เดิมที่มีอยู่ เช่น San-X, หมาจ๋า, Jay The Rabbit และ Warbie Yama ซึ่งจะส่งเสริมให้คาแรคเตอร์ฝีมือครีเอเตอร์ไทยได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานที่ต่อยอดในธุรกิจลิขสิทธิ์ทั้ง Merchandising และ Premium อย่างกว้างขวางมากขึ้น ด้วยเครือข่ายลูกค้าและพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งในตลาดประเทศไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้ TACC ได้ตั้งเป้าหมายระยะกลางไว้โดยจะเร่งสร้างยอดขายในธุรกิจ License Business ให้เติบโตมากขึ้น จากการขยายธุรกิจคาแรคเตอร์ไปยังต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว ให้ได้ในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวม 1,114.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.60% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 998.98 ล้นบาท และมีกำไรสุทธิ 190.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.94 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากการกลับมาใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติของการบริโภคในประเทศ ส่งผลให้กำลังซื้อฟื้นตัว ขณะที่การท่องเที่ยวก็คึกคักทั้งในส่วนนักท่องเที่ยวในไทยและต่างประเทศ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ได้รับผลตอบรับที่ดีตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันบริษัทมีการเจริญเติบโตจากกลุ่มลูกค้า B2C หลังจากได้ทยอยขยายสินค้าเข้าไปในกลุ่ม Lotus?s ทั้งในส่วน Lotus?s Hyper Market fresh ซึ่งปัจจุบันได้ส่งเครื่องดื่มเข้าใน Food Court และ Lotus?s go fresh รวมถึง Jungle Café อีกด้วย และการขยายตลาดในประเทศกัมพูชาจากการขยายสาขาของร้าน 7-Eleven "ในงวด 9 เดือนปี 65 บริษัทยังมีรายได้และกำไรเติบโตได้ดีตามที่คาดการณ์ไว้ โดยยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนของวัตถุดิบได้ ทำให้เกิดผลกระทบต่อกิจการของบริษัทฯไม่มากนัก แม้ว่าจะมีราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าใหม่ที่ออกมาก็ยังได้รับความสนใจสามารถผลักดันยอดขายให้ปรับตัวดีขึ้นตามแผนที่วางไว้"