นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) กล่าวว่า การเติบโตของบลูบิคในปีนี้เป็นที่น่าพอใจ ถือว่าเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ 3 ปี ที่มุ่งเน้นทั้งการเติบโตแบบ Organic Growth ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้จากกลุ่มบริการหลัก ควบคู่กับการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วย Inorganic Growth ผ่านการควบรวมกิจการ กิจการร่วมค้า และการลงทุนเปิดบริษัทย่อยเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการและการเติบโตอย่างมั่นคงของบลูบิค ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการกับพันธมิตรทางธุรกิจ
บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตตามแผนกลยุทธ์ 3 ปี ที่ 70% ต่อปีได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะปี 66 จะเป็นอีกปีที่น่าจับตามองของบลูบิค ทั้งในแง่ของผลประกอบการและการขยายธุรกิจผ่านดีลใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อตอกย้ำการเป็น Truly End-to-End Digital Transformation Partner และเป้าหมายในการเป็น Growth Partner ให้กับลูกค้า ครอบคลุมตั้งแต่การวางกลยุทธ์ การติดตั้งเทคโนโลยี ไปจนถึงการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตร่วมกันในอนาคต
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/65 โตเกินคาดทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวม 181 ล้านบาท เติบโตถึง 155% และกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโตที่อย่างต่อเนื่อง และการขยายรูปแบบการให้บริการของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
จากปัจจัยบวกข้างต้น หนุนให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกปีนี้ของบริษัทฯ โตทุบสถิติอีกครั้ง โดยมีรายได้รวม อยู่ที่ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% และกำไรสุทธิพุ่งแตะ 100 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 119% (YoY) และมียอดรอรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) อีกกว่า 50% ของรายได้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทเดินหน้าขยายกิจการผ่านการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions - M&A) กิจการร่วมค้า (Join Venture) และจัดตั้งบริษัทย่อยอย่างต่อเนื่อง มุ่งเสริมแกร่งด้านบริการและรองรับงานทั้งในและต่างประเทศ โดยล่าสุดคณะกรรมการฯ ได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มเติม ได้แก่ บริษัท บลูบิค (เวียดนาม) จำกัด ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเตรียมขยายการให้บริการในประเทศเวียดนาม
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/65 มีรายได้รวม 181 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 38% และมีกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท เติบโต15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 (QoQ) โดยไตรมาสนี้มีรายได้ต่างประเทศจากการให้บริการโครงการในสหราชอาณาจักร จำนวน 12 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด อีก 6.9 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงสัญญาณบวกแรงของตลาดในและต่างประเทศ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 มียอดรอรับรู้รายได้จากแบ็คล็อก (Backlog) สะสม 431 ล้านบาท
BBIK ระบุว่า การเติบโตอย่างโดดเด่นของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันเป็นหัวใจหลักของการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไร้พรมแดน อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ตามเป้าหมาย ทำให้สามารถรองรับงานได้ตามแผนที่วางไว้ โดยสิ้นไตรมาส 3 บริษัทฯ มีจำนวนบุคลากรทั้งหมดกว่า 330 คน และคาดว่าจะมีบุคลากรมากกว่า 350 คนภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ การขยายบริการใหม่ที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ บริการที่ปรึกษาด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ บริการที่ปรึกษาระบบ ERP CRM และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เช่น บล็อกเชน เป็นต้น รวมถึงการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังทั้งในยุโรปและอาเซียน เริ่มทยอยส่งผลบวกต่อภาพรวมการเติบโต ผนวกกับความแข็งแกร่งของบริการหลักที่นำโดย บริการธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีให้กับองค์ (Digital Excellence & Delivery) ธุรกิจการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) ธุรกิจการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) และธุรกิจบริหารโครงการเชิงกลยุทธ์ (Strategic PMO) ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าบริษัทฯ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมหาศาลในระยะยาว