นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 65 นับว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดี จากการที่ลูกค้าจะเร่งตัดสินใจซื้อและโอนที่อยู่อาศัย ก่อนหมดอายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์รวมถึงเกณฑ์ผ่อนคลาย LTV ที่กำหนดสิ้นสุดในปลายปีนี้ นอกจากนี้ยังเป็นไฮซีซันของการท่องเที่ยว และนับเป็นไตรมาสที่สำคัญจากการที่ลูกค้าจะมองหาและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ โดยแสนสิริเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่รองรับความต้องการทุกเซกเมนต์และตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่ม
ล่าสุด แสนสิริได้เปิดตัว 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 3,200 ล้านบาท ได้แก่ "FLO by Sansiri" (โฟล บาย แสนสิริ) คอนโดมิเนียมใหม่วิวแม่น้ำที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สร้างยอดขายไปแล้วเกือบ 200 ยูนิตในสัปดาห์แรกที่เปิดเซลล์แกลอรี่ เตรียมเปิดพรีเซลล์อย่างเป็นทางการวันที่ 26-27 พ.ย.นี้
อีกทั้ง แสนสิริยังได้รุกตลาดต่างจังหวัด เปิดตัวโครงการ "เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ขอนแก่น" คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ใจกลางเมืองขอนแก่น กับห้องแต่งครบ เปิดให้ชมห้องตัวอย่างต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริและได้รับการตอบรับที่ดีในการกลับมารุกตลาดต่างจังหวัดของแสนสิริ สร้างยอดขายโครงการคิดเป็น 40% ของยูนิตที่เปิดขาย พร้อมเตรียมเปิด Grand Opening Sales Gallery ที่ถนนศรีจันทร์วันที่ 19 20 พ.ย.นี้ ลุ้นจับฉลากห้องราคาพิเศษต่ำกว่าราคาเริ่ม! เพียง 1.29 ล้านบาท เท่านั้น
นอกจากนี้ แสนสิริยังเตรียมโอนอีก 3 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่จ่อคิวแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ ได้แก่ XT พญาไท, เดอะ มูฟ เกษตร และเดอะ มูฟ ราม 22 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้และกำไรฯ ที่ดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้าย ทั้งนี้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าจากความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่งในแบรนด์แสนสิริ
"แสนสิริคาดว่า ผลประกอบการในปี 65 จะเป็นปีที่แสนสิริมีกำไรสุทธิทุบสถิติ New High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 38 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท" นายวิชาญ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในรอบ 9 เดือนของปี 65 บริษัทมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท) 2,488 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากรอบเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,674 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 3/65 แสนสิริและบริษัทย่อยบันทึกกำไรสุทธิฯ เท่ากับ 1,268 ล้านบาท โตขึ้นถึง 102% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และโตขึ้น 38% จากไตรมาสก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 14.3% ของรายได้รวม โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 8.7% โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัย ด้านรายได้รวมในรอบ 9 เดือนปี 65 แสนสิริมีรายได้รวม 21,913 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้รวมเฉพาะไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 8,855 ล้านบาท โตขึ้น 23% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาและโตขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน ผลงานมาจากรายได้จากการขายโครงการที่โดดเด่นในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งโครงการทาวน์โฮมที่รายได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เติบโตขึ้นถึง 115% โดยเฉพาะความสำเร็จในลักซ์ชัวรี่ เรสซิเดนท์แนวคิดใหม่ "เดมี สาธุ 49" แบรนด์ใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ใกล้ CBD สุขุมวิท-สาทร-สีลม สร้างรายได้สูงสุดในกลุ่มทาวน์โฮมในไตรมาสที่ 3/65
ขณะที่แสนสิริยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาทาวน์โฮมแบรนด์ "สิริ เพลส" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าต่อเนื่องมาตลอด 4 ปี โดยเฉพาะผลงานการเปิดตัว สิริ เพลส ซีรีส์ใหม่ "Dream Destination" ที่ได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดี ส่งผลให้ สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการสิริ เพลส ที่เปิดขายใหม่ในปีนี้รวม 6 โครงการ นอกจากนี้แสนสิริยังมีรายได้หลักมาจากโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ "เศรษฐสิริและบุราสิริ" ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ พระราม 5, เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา2, เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา, เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล และบุราสิริ วัชรพล เป็นต้น
พร้อมกันนี้ยังสร้างผลงานในโครงการที่อยู่อาศัยแบบมิกซ์โปรดักส์ ที่รวมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ในโครงการเดียว ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัยแบบ Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัว ภายใต้แบรนด์ "อณาสิริ" ที่ประสบความสำเร็จและสร้างรายได้ที่โดดเด่นต่อเนื่องในปีนี้เช่นเดียวกัน อาทิ โครงการ อณาสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี, โครงการอณาสิริ รังสิต และโครงการอณาสิริ ราชพฤกษ์ 346 เป็นต้น ส่งผลให้รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเติบโตดี
ขณะที่รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมมาจาก 3 โครงการหลัก ประกอบด้วย โครงการเอ็กซ์ที ห้วยขวาง, เดอะ เบส เพชรบุรี - ทองหล่อ และดีคอนโด ไฮด์อเวย์ ที่สร้างผลงานในไตรมาส 3 ได้ดี ประสบความสำเร็จในกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ