- ตลท.พบฝั่งซื้อหุ้น MORE ผิดปกติมาจากรายเดียว 2.90 บาท/หุ้นผ่าน บล.หลายแห่ง
- สมาคม บล.เผยโบรกฯที่เสียหายจากหุ้น MORE เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ปอศ.
- ตลท.เปิดรับข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องกรณีหุ้น MORE ให้โอกาสเปลี่ยนจากจำเลยเป็นพยาน
- ตลท.-สมาคม บล.เตรียมร่วมกับฝ่ายกำกับวางแผนป้องกันเหตุจากกรณีหุ้น MORE
- ตลท.คาดสรุปการตรวจสอบกรณีหุ้น MORE ภายในสัปดาห์นี้
- สมาคมฯ เผยกรณีหุ้น MORE มีโบรกฯฝั่งซื้อราว 10 ราย ฝั่งขายไม่ถึง 10 ราย ความเสียหายยังบอกไม่ได้
- สมาคม บล.เผยรายการต้องสงสัยหุ้น MORE ถูก HOLD ไว้ตามเกณฑ์ ปปง.ยังเบิกเงินไม่ได้
- ตลท.เผยยังไม่มีความชัดเจนปลด SP หุ้น MORE หรือไม่
- ตลท.-สมาคม บล.ยืนยัน "อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ" ซีอีโอ-ผถห.ใหญ่ MORE ไม่เคยติดต่อเข้ามาเจรจา
- ตลท.เตือนนักลงทุนตรวจสอบเงินกองทุนโบรกฯแต่ละแห่งที่ได้รับผลกระทบหุ้น MORE
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับ นายพิเชษฐ์ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ในช่วง 12.30 น.ที่ผ่านมา
ตลท.ระบุว่าได้พบความผิดปกติการซื้อขายหุ้น MORE ในวันที่ 10 พ.ย.65 โดยราคาพุ่งขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด +4.3% จากราคาปิดในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวันสูงถึง 7,143 ล้านบาท ขณะที่ค่าเฉลี่ย 30 วันก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 360 ล้านบาท/วัน โดยช่วงเปิดตลาดมีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเกือบ 4,300 ล้านบาท
ลักษณะของการส่งคำสั่งซื้อขายที่ผิดปกติ คือ
ฝั่งซื้อ พบว่า เป็นการส่งคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อเพียง 1 รายผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่งที่ราคา 2.90 บาท
ฝั่งขาย พบว่า มีการส่งคำสั่งขายเป็นจำนวนมากจากผู้ขายหลายรายที่ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเสนอซื้อ โดยมีจำนวนที่สั่งขายตั้งแต่ประมาณ 70 ล้านหุ้น/ราย ไปจนถึงประมาณ 600 ล้านหุ้น/ราย
ทันทีเมื่อเปิดตลาดได้เกิดการจับคู่ซื้อขายกับผู้ขายหลายรายผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่ง หลังจากนั้นภายในไม่ถึง 20 นาทีหลังเปิดตลาด ราคาได้ทยอยปรับตัวลงจนไปต่ำสุดที่ Floor ที่ราคา 1.95 บาท และปิดตลาดที่ราคาดังกล่าว โดยฝ่ายกำกับการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งเตือนบริษัทสมาชิกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
จากนั้นในวันที่ 11 พ.ย.65 หลังเปิดการซื้อขายราคาหุ้น MORE เปิด Floor ในทันทีที่ 1.37 บาท แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเหลือเพียง 134 ล้านบาท จากกว่า 7,000 ล้านบาทในวันก่อนหน้า
ตลท.ได้ร่วมกับบริษัทสมาชิก และ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) และตลท.ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.65 เป็นต้นมารวบรวมข้อมูลการซื้อขายหุ้น MORE ซึ่งจากการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลพบธุรกรรมส่วนหนึ่งที่ต้องสงสัยที่มีความผิดปกติ จึงได้ระงับธุรกรรมในบัญชีดังกล่าวของลูกค้าระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหน้าที่ของบริษัทสมาชิกตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนธุรกรรมที่ได้ตรวจสอบแล้วหากไม่พบความผิดปกติ บริษัทสมาชิกก็ได้ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่ลูกค้าไปแล้ว
ตลท.ได้ประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้เข้ามาทำการสอบสวนก็ได้มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี โดยในวันนี้บริษัทสมาชิกหลายแห่งก็ได้ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) แล้ว
นายภากร กล่าวว่า ตลท.คาดว่าจะสรุปข้อมูลในการตรวจสอบร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ เพื่อดำเนินการในขั้นต่อไปภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีข้อมูลเกินกว่า 50% แล้ว และขอให้ผู้ที่มีข้อมูลการซื้อขาย MORE ผิดปกติมาติดต่อให้ข้อมูลได้ผ่านทาง SET Contact Center ที่ 0 2009 9999 เพื่อที่จะทำการรวบรวม และประสานนำส่งให้แก่พนักงานสอบสวนต่อไป ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อาจตกเป็นจำเลยถูกกันไว้เป็นพยานแทน
"อันนี้คือสิ่งที่เรากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อไปใช้ต่อในทุกๆเรื่อง" นายภากร ตอบคำถามที่ระบุว่ากรณีที่เกิดขึ้นเข้าข่ายการปั่นหุ้น หรือ ฟอกเงินหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเปิดให้ซื้อขายหุ้น MORE ได้เมื่อใด จากเบื้องต้นที่ได้กำหนดขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามการซื้อขายไปจนถึงวันที่ 18 พ.ย.
นอกจากนั้น ในสัปดาห์หน้า ตลท.จะร่วมกับสมาคม บล. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยอาศัยกรณีหุ้น MORE เป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งจะทำให้หลักเกณฑ์หลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อเพื่อการซั้อขายหลักทรัพย์
"เราพบหลักฐานที่มีนัยสำคัญชัดเจนว่ามีการกระทำที่ไม่ปกติ คาดว่าจะสามารถดำเนินการต่อได้ภายในวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. ก่อนที่ในสัปดาห์หน้าเตรียมดำเนินการระยะถัดไปคือการวางแผนเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในแบบนี้เกิดขึ้นได้อีกในอนาคต โดยจะมีการร่วมมือกันระหว่าง ตลท. และ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) รวมถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจะพิจารณาแนวทางในการอุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น"
"ที่มองว่าเราดำเนินการช้าไปหรือไม่นั้น เราเห็นความผิดปกติตั้งแต่ตลาดเปิดแล้วทำให้เราออกมาเตือนในช่วงของหยุดการซื้อขายในช่วงเที่ยงว่าการซื้อขายมีความผิดปกติ และเกณฑ์ของเราจะต้องเตือนในช่วงที่ตลาดปิดแล้ว เราก็มาเตือนเลยในโอกาสแรกที่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นเหมือนกันทั่วโลก"นายภากร กล่าว
ด้านนายพิเชษฐ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาและหาแนวทางในการอุดช่องโหว่มาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การโอนหุ้นข้ามชื่อที่ในอดีตสามารถทำได้ แต่เมื่อพบว่าเกิดปัญหาก็ได้มีการปรับเปลี่ยนให้ไม่สามารถโอนหุ้นข้ามชื่อได้
"เราพยายามจะอุดรูรั่วพวกนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไมถึงพบรูรั่ว แน่นอนมีคนพยายามเอาช่องโหว่พวกนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์เราก็จะต้องพัฒนาควบคุมเรื่องต่างๆไปเรื่อยๆ ซึ่งผมมองว่าเป็นกระบวนการตรวจสอบ และ ควบคุมที่เหมาะสมที่เราพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ"นายพิเชษฐ กล่าว
ขณะที่นายภากร กล่าวว่า เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาวงเงินจากหุ้นที่ใช้มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการชำระค่าซื้อขายแบบยอดสุทธิ(Net Settlement) จะต้องมีการศึกษาและปรับปรุงให้เกิดมาตรฐานในอุตสาหกรรม เช่น จะมีวิธีการวัดเรตติ้งหุ้นที่แตกต่างกันอย่างไร มีวิธีการกำหนดแฮร์คัตอย่างไร เป็นต้น
ด้านนายพิเชษฐ กล่าวว่า กระบวนการที่ใช้ในปัจจุบันคือ Cash Collateral คือการวางหลักประกัน 20% แต่สามารถซื้อได้ 100% ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีมาอย่างยาวนานที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทหลักทรัพย์ และ นักลงทุนทั้งหมด
"ถามว่าเราจะกลับไปสู่โลกแห่ง Cash Balance หรือเปล่า อันนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องศึกษาอีกมาก เพราะว่าบางประเทศ อาทิ เวียดนามเป็น Cash Balance ทั้งหมด จริงๆ ตั้งแต่วันแรกมีโบรกเกอร์ถามว่าหรือเราจะกลับไปโลกเดิม ตอบไม่ได้ตอนนี้ครับ รอดูกันไป ขอไปศึกษาให้ดีก่อน "นายพิเชษฐ กล่าว
สำหรับจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีหุ้น MORE มีอยู่ในฝั่งผู้ซื้อหุ้นราว 10 บริษัทหลักทรัพย์ และฝั่งผู้ขายจำนวนต่ำกว่า 10 บริษัทหลักทรัพย์ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในปัจจุบันยังไม่สามารถเปิดเผยได้
นายภากร กล่าวยืนยันว่า ธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างสำนักหักบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ในการชำระราคาหุ้น MORE ดำเนินการแล้วเสร็จตามเวลา และไม่ได้เกิดปัญหาใดใดขึ้น แต่ส่วนที่เป็นปัญหาคือผู้ซื้อกับบริษัทหลักทรัพย์
ด้านนายพิเชษฐ กล่าวว่า ปัจจุบันหุ้นได้ถูกโอนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฝั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว และ เงินได้ถูกโอนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฝั่งขายแล้วเช่นกัน แต่ในรายการต้องสงสัยได้มีการระงับการทำธุรกรรมในบัญชีดังกล่าวของลูกค้าไว้เพื่อที่จะทำการตรวจสอบ โดยมีบัญชีที่ยังต้องระงับไว้หลักสินบัญชี ขณะที่บัญชีที่ได้รับการดำเนินการตามปกติไปแล้วมีจำนวนกว่า 3,000 บัญชี
"ปัจจุบันได้ร่วมมือกันทำงานหลายๆหน่วยงาน เพื่อที่จะให้มีผลกระทบต่อนักลงทุนน้อยที่สุด เรารู้ว่าทุกคนอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ทุกหน่วยงานตั้งใจอยากจะให้สิ่งพวกนี้ผ่านไปได้ด้วยดี"นายพิเชษฐ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่านายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MORE มีข้อเสนอให้ ตลท.เป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อเข้าซื้อหุ้น MORE ที่ถูกอายัดไว้ในบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ นั้น นายภากร ยืนยันว่า ไม่เคยได้รับการติดต่อจากนายอมฤทธิ์ เช่นเดียวกับนายพิเชษฐ์ก็เปิดเผยว่าไม่เคยได้รับการติดต่อเช่นกัน
"อันนี้คือสิ่งที่เรากังวลมากเพราะมีข่าวที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงออกมาเยอะมาก และทำให้ตลาดมีความปั่นป่วน โดยอยากจะให้ใช้ข้อมูลที่เราเป็นคนให้ เพราะข้อมูลที่เท่าที่ผมได้อ่าน ได้เห็น มีอะไรที่คลาดเคลื่อน ไม่จริง และ ไม่เคยเห็น มาเยอะมาก" นายภากร กล่าว
ด้านนายพิเชษฐ กล่าวว่า ไม่ได้มีการห้ามการเจรจา แต่โดยส่วนตัวยังไม่ได้มีการเจรจาหรือพูดคุยกับใคร
นายภากร กล่าวว่า ฝากนักลงทุนรายย่อย และ นักลงทุนสถาบัน ให้ตรวจสอบเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ของโบรกเกอร์ที่ใช้บริการอยู่ โดยปัจจุบันมองว่ามีข้อมูลครบถ้วนแล้วที่จะสามารถประเมินได้ว่าผลกระทบที่มีต่อบริษัทหลักทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างไรบ้าง และ บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ มีแผนงานอย่างไรในการที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีหุ้น MORE กว้างมากไม่ใช่แค่เพียงบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้น แต่จะกระทบไปยังกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ใช่เพียงแค่นักลงทุนในหุ้น MORE เท่านั้น แต่เป็นนักลงทุนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ที่จะกระทบด้านความเชื่อมั่นในระบบของตลาดฯ ว่าจะสามารถรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรูปแบบนี้ได้อย่างไรบ้าง ระบบเคลียริ่งสามารถรองรับได้หรือไม่ , NCR ของบริษัทหลักทรัพย์มีเพียงพอหรือไม่ , ระบการตรวจสอบความผิดปกติในการลงทุนสามารถทำได้รวดเร็วเพียงพอหรือไม่
"ปัจจัยต่างๆเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่ทำให้ ตลท. ติดสินใจในการที่จะดำเนินการในรูปแบบนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันได้รับข้อมูลเพียงพอที่จะไปดำเนินการต่อ และทำให้ตลาดฯกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว"นายภากร กล่าว