นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 697.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 65.41 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในงบการเงินเฉพาะบริษัท ระบุว่า 9 เดือนแรกของปี 65 บริษัทมีรายได้ 969.64 ล้านบาท และมีกำไร 67.23 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 22.46 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน
นายวิศัลย์ ระบุว่า ผลประกอบการปีนี้ถือเป็นการกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกีฬาและสุขภาพมากขึ้นในที่สาธารณะ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการจัดแข่งขันกีฬาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาฟุตบอลที่ผู้คนกลับมาร่วมเชียร์กันในสนามมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความต้องการซื้อสินค้าและทำให้ยอดขายของวอริกซ์เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นจากกลยุทธ์การปรับราคาขายสินค้า การออกคอลเลคชั่นใหม่ๆ รวมไปถึงการบริหารจัดการด้านการจัดซื้อและบริหารสินค้าที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับสินค้าที่มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าคลาสสิค, สินค้าคอลเลคชั่น และสินค้าทำตามคำสั่ง (Made to Order) มีอัตราเติบโตของรายได้เท่ากับ 51.97%, 96.48% และ 41.73% ตามลำดับ โดยทั้งหมดจัดอยู่ในสินค้ากลุ่ม Non ? Licensed ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานรวมถึงเป็นกลุ่มสินค้าที่เป็นรายได้หลักของบริษัทฯ เช่น เสื้อโปโล เสื้อกีฬา เสื้อวอร์ม กางเกง สปอร์ตบาร์ เสื้อสูท และเสื้อแจ็คเก็ต เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ มีการสั่งผลิตสินค้าเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงมีการขายสินค้าสำหรับใช้ในองค์กรและกิจกรรมที่จัดขึ้นหลังโควิด-19 ซึ่งการเติบโตของสินค้ากลุ่ม Non ? Licensed สอดคล้องกับกลยุทธ์ของวอริกซ์ที่มีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าให้คลอบคลุมยิ่งขึ้น นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบกีฬาและการออกกำลังกาย
ส่วนสินค้ากลุ่ม Licensed ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้แบรนด์ WARRIX เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ทั้งยังส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของวอริกซ์ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 โดยสินค้าฟุตบอลทีมชาติเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด และมีรายได้จากการขายเติบโตถึง 350.08% จากช่วงปีก่อน เนื่องจากมีการเปิดตัวเสื้อฟุตบอลทีมชาติคอลเลคชั่นใหม่ รวมทั้งเป็นช่วงที่มีการจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัฟ (ปัจจุบันคือ AFF Mitsubishi Electric Cup) ซึ่งผู้คนสามารถกลับมาร่วมเชียร์กันในสนามได้มากขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าเกี่ยวกับฟุตบอลทีมชาติเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการคลินิกกายภาพ Warrix Physiotherapy & Performance Studio ซึ่งเป็นการขยายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นในด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีบริการด้านการรักษา ฟื้นฟู ให้คำปรึกษา ให้องค์ความรู้ด้านโภชนาการ จากทีมนักกายภาพที่ได้รับใบอนุญาตและเทรนเนอร์มืออาชีพ โดยทีมบริหารมองว่าธุรกิจด้านสุขภาพ เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างโอกาสในการเติบโตได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทฯ มีคลินิกกายภาพ 2 แห่ง ได้แก่ สาขาที่ 1 ตั้งอยู่ที่ Stadium One และสาขาที่ 2 ตั้งอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำหรับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นอกเหนือจากคลินิกกายภาพ บริษัทสร้างเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา หรือ WARRIX Run Hub ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและผู้ชอบการออกกำลังกาย และพื้นที่สำหรับขายสินค้าและอุปกรณ์วิ่ง ซึ่งเตรียมจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้
อนึ่ง WARRIX เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)