นางสาวนราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี-52 แคปปิตอล (B52) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทฯได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ และสร้างแพลตฟอร์มทันใจดีเพื่อรวบรวมร้านค้าโชห่วยเข้ามาใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน ซึ่งในปัจจุบันมีสมาชิกเกือบ 100,000 ราย ทั่วประเทศ โดยมีการนำธุรกิจ สินค้า ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการที่ไม่ใช่สินค้าอุปโภค บริโภค เช่น ซิมมือถือ เน็ตบ้าน สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เสริมสร้างอาชีพ เช่น ตู้แช่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เปลี่ยนร้านโชห่วยให้เป็นมากกว่าร้านโชห่วย โดยอาศัยศักยภาพของร้านที่ตั้งในชุมชน และเจ้าของร้านสมาชิกของทันใจดี ให้เป็นศูนย์กลางในการให้บริการของหมู่บ้าน ตำบลนั้นๆ
"ความภูมิใจของ B52 และสมาชิกทันใจดีของเราคือการที่เราได้แสดงศักยภาพของร้านค้าประจำถิ่น ให้กับคู่ค้าระดับชาติ และข้ามชาติได้เห็นถึงพลังของร้านโชห่วยไทย"
นางสาวนราวดี กล่าวต่อว่า การสร้างเครือข่ายของร้านค้าโชห่วย หรือร้านขายของชำของทันใจดี เริ่มมาจากคำถามสำคัญใหญ่ๆ คำถามนั้นก็คือ เศรษฐกิจของประเทศไทยประกอบไปด้วยอะไร ใครคือคนสร้างเศรษฐกิจของชาติ คนเหล่านั้นอยู่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ หรืออยู่ในเมืองใหญ่ๆ หรืออยู่ตามอำเภอตำบล หรือหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญ คำตอบที่เรามองเห็นคือ ธุรกิจการค้าปลีกและร้านค้าปลีกเล็กๆ ต่างหากที่เป็นฟันเฟืองสำคัญ ทำให้เศรษฐกิจไทยเจริญแบบกระจายไม่กระจุก และนี่คือที่มาของการที่เรารวบรวมเจ้าของร้านขนาดจิ๋ว ขนาดเล็ก ขนาดกลาง เข้ามารวมตัวกันบนแพลตฟอร์มของทันใจดีของเรา
ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาร้านค้าสมาชิกของทันใจดีได้เข้ามามีบทบาทในเรื่องของการใช้ศักยภาพของทันใจดีแอพพลิเคชั่น ไม่เพียงแต่เฉพาะเรื่องการซื้อมาแล้วขายไป แต่ร้านค้าสมาชิกยังสามารถยื่นกู้ขอสินเชื่อ หรือซื้อประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ผ่อนชำระค่างวด เช่าซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันทันใจดี ซึ่งทาง B52 และร้านค้าสมาชิกมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในพลังเครือข่ายทันใจดี พร้อมที่จะเชื่อมโยงสินค้าและบริการใหม่ๆ ของบริษัทคู่ค้าเข้าสู่ช่องทางร้านค้า และลูกค้าท้องถิ่นทุกระดับทั่วประเทศ เพราะเราคือ "เน็ตเวิร์คร้านค้าโชห่วย" แห่งแรกของประเทศไทยที่เข้าถึงลูกค้าท้องถิ่น และสามารถเพิ่มศักยภาพ พลิกโฉมให้ร้านค้าสมาชิกให้กลายเป็นศูนย์รวมการให้บริการแบบ One-Stop-Service ของชุมชนแบบเป็นรูปธรรม