นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจแบบองค์รวม โดยวางเป้าหมายของ "SENA Group" พร้อมเป็น "แม่ยก" ผลักดันธุรกิจในเครือให้ครอบคลุม เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ผ่านแกนหลัก 3 แม่ยก 1. ยกระดับองค์กรให้ก้าวทันโลกแห่งอนาคต 2. ยกระดับทุกธุรกิจในเครือให้เติบโตอย่างยั่งยืน และ 3. ยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกมิติอย่างยั่งยืน โดยบริษัทพร้อมเตรียมแผนการดำเนินงานภายใต้คอนเซ็ปต์ 3 แม่ยก เพื่อยกระดับเป้าหมายให้บรรลุและเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ดังนี้
1. ยกจากจุดเริ่มต้น "SENA Group" ดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮมและอาคารชุด ธุรกิจเช่า ได้แก่ อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า ธุรกิจอาคารสำนักงาน ธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจบริหารงานนิติบุคคล ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่พักอาศัย เป็นต้น พร้อมต่อยอดธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์ความท้าทายของผู้คนในสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยความละเอียดใส่ใจ และจริงจังในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน "To be the most trusted partner in our customer?s every life stage."เสนาเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือไว้วางใจสูงสุดในทุกช่วงชีวิตของลูกค้าเรา
2. ยกสถานการณ์ปัจจุบัน "SENA Group" วางธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อให้ธุรกิจสามารถเชื่อมโยงและสอดรับกับบริษัทในเครือ ปัจจุบัน ทาง "SENA Group" ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจของทั้งกลุ่มบริษัท เพื่อให้ทุกบริษัทมีความแข็งแกร่ง เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจกับคู่แข่งในตลาด ซึ่งทุกบริษัทในเครือต้องมีการปรับวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร ซึ่งทางบมจ.เสนา เจ พร็อพเพอร์ตี้ (SENAJ) จะเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับกลุ่มเฉพาะ (Niche High End market) ในกลุ่มลูกค้าระดับสูง รวมถึงผลักดันการขยายบริการด้านที่อยู่อาศัยอย่างครอบคลุมและคุ้มค่ามากที่สุด
โดยวางเป้าหมายและโจทย์สำคัญมุ่งสู่ธุรกิจเมกะเทรนด์ (New Mega Trends) ของโลก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยความละเอียดใส่ใจ และจริงจังในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน "To be the ultimate real estate multi-services company." เสนาเจคือสุดยอดของบริษัทผู้ให้บริการอย่างครอบคลุมครบทุกด้านของอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกัน มองว่าเทรนด์การลงทุนในธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยทาง SENAJ พุ่งเป้าไปธุรกิจที่ตอบรับเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ทั้งความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรต่อโลก (Sustainability) สังคม สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี เป็นต้น
3. ยกระดับเพื่ออนาคต "SENA Group" พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตสู่ความยั่งยืน โดยทาง SENAJ ตั้งเป้าโตแบบก้าวกระโดด พร้อมเป็นหัวหอกหลักการดำเนินขยายการลงทุนเพิ่มในธุรกิจตามเมกะเทรนด์โลก ประกอบด้วย
1.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องตามแผนงาน ขยายฐานการพัฒนาโครงการบ้าน Niche High End ระดับราคา 15 -20 ล้านบาท วางแผนเปิดปีละ 1- 2 โครงการ นอกจากนี้ ได้ร่วมทุนกับพันธมิตร ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน
2. ธุรกิจบริหารนิติบุคคลโครงการที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินแบบครบวงจร (Property Management) โดยปัจจุบันมีโครงการที่รับบริหารนิติบุคคลโครงการ 97 โครงการ ตั้งเป้าภายใน 3 ปี ขึ้นแท่นสู่ Top 5 ครอบคลุมโครงการรับบริหารรวม 168 โครงการ
3. สถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะฟื้นตัว (Nursing Home) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับทางบริษัทญี่ปุ่นพัฒนาโครงการในอนาคต
4.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงาน 2 แห่ง คือ ตลาดแพรกษา และสำเพ็ง 2
5. ธุรกิจขายบ้านมือสอง โดยทางบริษัท เสนา ชัวร์ คัดสรร รับซื้อทรัพย์บ้านมือสองและนำมาปรับปรุงตกแต่งให้อยู่ในสภาพที่ดีเพิ่มมูลค่าและพร้อมขาย ตอบโจทย์ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยใกล้เมือง ราคาจับต้องได้ ตั้งเป้าภายใน 3 ปีสู่ Top 5 ผู้นำตลาดบ้านมือสอง
6. ธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ โดยทาง SENAJ มีแผนเข้าซื้อหุ้นบริษัทย่อยของ SENA "แอคคิวท์ เรียลตี้" เพื่อให้บริการนายหน้าขายและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ครอบคลุมบริหารการขายโครงการ และให้บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการด้านการเช่าอสังหาฯ ภายในกลุ่มของ SENA และ SENAJ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนธุรกิจครั้งสำคัญนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจหลักและเกื้อหนุนธุรกิจในเครือ นับเป็นการส่งเสริมจุดแข็งและสร้างความโดดเด่นทางการแข่งขันในโลกธุรกิจ รวมถึงการคิดละเอียดและใส่ใจในทุกมิติทำให้ "SENA Group" และบริษัทในเครือ พร้อมยกระดับการเติบโตให้แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต
สำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจของ SENAJ จะเน้นไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการมากขึ้น เพื่อเข้ามาเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจใน SENA Group ประกอบกับมีการใช้เงินลงทุนในการลงทุนที่ไม่มาก เหมือนกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับธุรกิจ ซึ่งตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะมีรายได้ประจำเข้ามาในสัดส่วน 30% และคาดว่าจะสามารถทำให้ SENAJ พลิกกลับมามีกำไรได้ภายใน 1-2 ปี
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 66 มองว่ามีความท้าทายอยู่ค่อนข้างมาก จากปัจจัยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่สิ้นสฺดลงไป ทั้งการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การขยายการผ่อนคลายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนที่อยู่อาศัยที่ยังไม่แน่ชัดว่าทางภาครัฐจะต่อมาตการหรือไม่ แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัว แต่รายได้ของคนในประเทศยังไม่มีการเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง และการขอสินเชื่อสถาบันการเงินยากมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เผชิญความท้าทายในปีหน้าค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทยังอยู่ระหว่างการทำแผนการดำเนินงานในปี 66