บมจ. ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) กำหนดราคาขายหุ้น IPO ที่ 10.90 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 21 - 23 พ.ย.65 และคาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 29 พ.ย.65 โดยจะเป็นร้านขายปลีกทองรูปพรรณรายแรกที่เข้าจดทะเบียนใน SET
ทั้งนี้ บริษัทแต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บล.ทิสโก้, บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย), บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ บล.บัวหลวง
การกำหนดราคาหุ้นสามัญที่จะเสนอขายในครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบันและนิติบุคคล โดยหากพิจารณากำไรสุทธิช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ถึงไตรมาส 3/65) ซึ่งเท่ากับ 721.50 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 1,334,000,000 หุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.54 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ประมาณ 20.15 เท่า
ทั้งนี้ สัดส่วนหุ้นของ "ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร" ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 93,3000,000 หุ้น คิดเป็น 6.99% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
นายอนิวรรต ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AURA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหาร 50 ปี เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ ?ผู้นำในการส่งมอบของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่า? ผ่านการดำเนินงาน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ และเครื่องประดับและของขวัญที่ทำมาจากทองคำ และ 2. ธุรกิจขายฝากทองรูปพรรณ และเครื่องประดับ ที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบ (ธุรกิจขายฝาก) โดยมุ่งนำเสนอของขวัญที่มีค่ามีคุณภาพและสร้างความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond และวางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำร้านทองของประเทศไทย ส่งมอบของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่าครบวงจรสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
"การก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ ทำให้ AURA เพิ่มขีดความสามารถการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และพัฒนาแบรนด์ใหม่ รวมถึงขยายธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณีและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น มีความรวดเร็วตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ทุกคนส่งมอบของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่าทุกโอกาส ซึ่งจะช่วยผลักดันการขยายธุรกิจของออโรร่าเติบโตอย่างยั่งยืน" นายอนิวรรต กล่าว
นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด AURA กล่าวว่า ทิศทางอุตสาหกรรมธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ และเครื่องประดับหรือของขวัญที่ทำมาจากทองคำมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก โดยบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การตลาดมุ่งสร้างแบรนด์ของขวัญล้ำค่าส่งมอบความสุขในโอกาสพิเศษต่างๆ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ เช่น การเปิดร้านเครื่องประดับเพชรแบรนด์ใหม่ระดับพรีเมียม เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) พร้อมขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำ ขายฝากทองรูปพรรณ เครื่องประดับที่มีทองคำและเพชร ภายใต้แบรนด์ ?ทองมาเงินไป? บนทำเลที่มีศักยภาพในแหล่งชุมชน โดยให้บริการรับขายฝากสินค้าด้วยวงเงินและอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับ
นอกจากนี้ จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจำหน่ายด้วยกลยุทธ์ O2O (Online to Offline) มุ่งขยายร้านสาขา (Offline) บนทำเลที่มีศักยภาพทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเปิดสาขาครบ 409 แห่งภายในปี 2567 จาก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีสาขารวม 265 แห่ง ควบคู่กับการขยายช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online) ผ่านทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียของบริษัทฯ และมาร์เก็ตเพลส เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันใหม่สำหรับส่งเสริมการขายสินค้าและสร้างประสบการณ์ที่ดีตอบสนองความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด โดยมีแผนพัฒนาฟีเจอร์รองรับบริการหลังการขายในอนาคต และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์ที่มีมากกว่า 180 ราย รวมทั้งสถาบันอัญมณีศาสตร์ชั้นนำของโลก เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือของแบรนด์
นายยศรัณย์ วัณณะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานบัญชีและการเงิน AURA กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 14,412.5 ล้านบาท เติบโต 27.3% และมีกำไรสุทธิ 383.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้หลักมาจากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์โมเดิร์น โกลด์ (Modern Gold) ทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5% ได้แก่ สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ และการขายทองคำแท่งสถานะการรับซื้อสุทธิและมีการส่งมอบแล้ว นอกจากนี้ ยังมาจากรุกขยายช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้ AURA ขยายฐานผู้ที่ซื้อได้อย่างกว้างขวาง
อีกทั้งมีรายได้จากดอกเบี้ยรับ 101.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ AURA ถือเป็นราคาที่เหมาะสม สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจและปัจจัยพื้นฐาน ตลอดจนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในโอกาสเติบโตจากการรุกขยายธุรกิจในอนาคต จากโมเดลการดำเนินธุรกิจของ AURA มีความโดดเด่นและแตกต่างในอุตสาหกรรมธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ ด้วยศักยภาพการเติบโตที่ดีจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมสร้างประสบการณ์การซื้อผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มอบการให้บริการหลังการขายที่เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกช่องทาง
รวมถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในทุกช่วงการเปลี่ยนแปลงของราคาทอง สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่งและส่งผลให้ออโรร่าสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำให้ AURA เป็นผู้นำค้าปลีกธุรกิจทองรูปพรรณและเครื่องประดับแบบครบวงจร มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของ AURA จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
ปัจจุบัน AURA มีทุนจดทะเบียน 1,344 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,334 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 1,000 ล้านบาท และจะเสนอ IPO จำนวนไม่เกิน 334 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 25.04% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้
AURA จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนขยายสาขา ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจซึ่งรวมถึงการซื้อสินค้าเพื่อจำหน่ายและขยายพอร์ตธุรกิจขายฝาก และชำระคืนเงินกู้ยืม