นายสืบพงศ์ เกตุนุติ รองประธานกรรมการและประธาน บมจ.พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจในปี 2565 นี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 20-30% ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะว่าช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนที่ผ่านมา ผลประกอบการของบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศออกมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเปิดประเทศ การผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 รวมทั้งเป็นช่วงไฮซีซันด้วย
"เมื่อมาตรการโควิด-19 ผ่อนคลายลง ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ การดำเนินธุรกิจของ PRAPAT จึงเดินหน้าไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะลูกค้าหลักอย่างโรงแรม และร้านอาหาร สามารถเปิดธุรกิจได้เต็มระบบ ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจโดยรวมของ PRAPAT เห็นได้จากช่วงไตรมาส 3/65 ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น และมีแนวโน้มส่งต่อไปยังไตรมาส 4/65 ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย"
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงปลายปีนี้ PRAPAT เตรียมรุกตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตลาดเวียดนามที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่จับตามองของนักลงทุนจากทั่วโลก ทั้งนี้ ตลาดท่องเที่ยวของเวียดนามมีการเติบโตขึ้นทุกปี ซึ่งส่งผลดีต่อกลุ่มลูกค้าของ PRAPAT ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม หรือร้านอาหาร ที่มีความต้องการสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานในต่างประเทศของ PRAPAT เมื่อเทียบปี 2021 เติบโตขึ้นมากกว่า 60% หากเทียบไตรมาส 2/2565 เติบโตขึ้นมากกว่า 25%
"แผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปีของบริษัทฯ จะเน้นหนักไปที่ประเทศเวียดนาม เพราะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังมีพันธมิตรจากชาติยุโรปร่วมเจรจาการร่วมทุนกับทางบริษัทฯ เพราะเห็นความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนามเติบโตขึ้นทุกปี นอกจากนี้ ยังมองตลาดในอาเซียนเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น สปป.ลาว และกัมพูชา เพราะมีการเติบโตที่ดีเช่นกัน"
นายสืบพงศ์ กล่าวด้วยว่า PRAPAT ไม่เคยหยุดนิ่งในเรื่องพัฒนาผลิตภัณฑ์ จึงมีการสำรวจเทคโนโลยีที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากพอที่จะเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ซึ่งตกผลึกมาที่เทคโนโลยีจากประเทศตุรกี (ประเทศทูร์เคีย) ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอเซ็นสัญญา และอาจจะมีความชัดเจนขึ้นในเดือนธันวาคมนี้
"เทคโนโลยีจากจีน เปรียบเสมือนโรงงานของโลก วัตถุดิบครึ่งซีกโลกจะอยู่ที่จีน ส่วนเทคโนโลยีจากตุรกี จะเป็นของยุโรป วัตถุดิบใกล้เคียงเยอรมัน มีศักยภาพที่ดี และถือเป็นซิ๊กซอว์สำคัญในด้านเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่นิยมของโลก ซึ่งทาง PRAPAT จะนำเข้ามาบริการให้แก่กลุ่มลูกค้า"