รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า การออกคำสั่งอายัดทรัพย์เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการกระทำผิดฉ้อโกงจากการซื้อขายหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) วงเงินกว่า 5.3 พันล้านบาท เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน สืบเนื่องจาก บล.เกียรตินาคินภัทร เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายอภิมุข บำรุงวงศ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ MORE และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้หลอกลวงให้หลงเชื่อว่าจะชำระค่าหุ้น MORE และ MORE-R จึงทำให้ซึ่ง บล.เกียรตินาคินภัทร อนุมัติสินเชื่อให้
จากนั้น ในวันที่ 10 พ.ย.นายอภิมุข ได้ตั้งคำสั่งซื้อหุ้น MORE และ MORE-R จำนวนมากก่อนตลาดหุ้นจะเปิดทำการผ่านระบบ Automatic Order Matchnig (AOM) โดยส่งคำสั่งไปยังบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งที่เป็นนายหน้าของนายอภิมุขในราคาสูงกว่าราคาปิดตลาดในวันก่อนหน้า แต่เมื่อครบกำหนดกลับไม่ชำระค่าหุ้นดังกล่าว
จากการสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังพบนายอภิมุข และผู้เกี่ยวข้อง 24 ราย ตั้งคำสั่งซื้อขายในลักษณะเดียวกัน โดยมีเงื่อนไขว่าให้ซื้อขายในราคาเปิดตลาด และยังพบว่าคำสั่งซื้อขายของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายอภิมุขมีหลายเลข IP ตรงกับคำสั่งซื้อขายของนายอภิมุข และอยู่ในสถานที่เดียวกัน
สำหรับบุคคลที่เกี่ยวข้องมีตั้งแต่นายอภิมุข และผู้ถือหุ้นใหญ่ MORE ที่เป็นบุคคลใน 10 อันดับแรก รวมถึงเครือญาติและเพื่อน ยกเว้นนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน MORE ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นอดีตผู้ถือหุ้นและผู้บริหารตั้งแต่สมัยที่เป็น บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 (DNA) ซึ่งเป็นชื่อเดิมของ MORE รวมทั้งผู้บริหารของ บมจ.เฮลท์ เอ็มไพร์ คอร์ปอเรชั่น (HEMP) อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ (GSC) นอกจากนั้น ยังมีเครือ บมจ.ตงฮั้ว (TH) ร่วมด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบว่า พฤติกรรมของนายอภิมุขกับพวกไม่ได้ตั้งใจจะชำระค่าหุ้น MORE และ MORE-R ตั้งแต่ต้น และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องก็มีส่วนรู้เห็นและร่วมกันวางแผน และจะได้รับเงินจากการขายหุ้น MORE และ MORE-R โดยมีเจตนาเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับ บล.หลายแห่งเพื่อให้ได้วงเงินในการซื้อหุ้น MORE และ MORE-R แต่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ และมี เจตนาหลีกเลี่ยงการทำรายการซื้อขายที่ต้องอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ โดยทำการซื้อขายในลักษณะ Big Lot ที่อาจทำให้ผู้ซื้อถือครองหุ้นข้ามเส้น 25% และมีเจตนาปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถือหุ้นของตนเอง ซึ่งเป็นเจตนาหลีกเลี่ยงการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ซึ่งทำให้นักลงทุนทั่วไปเสียประโยชน์และมีความเสียหาย
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายอภิมุขพร้อมพวกได้ไปซึ่งสินทรัพย์จากการกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญา
สำหรับทรัพย์สินที่อายัดไว้อยู่ภายใต้การดูแลของ บล. 15 บริษัท โดยเฉพาะเงินหรือหุ้นของนายอภิมุขที่ซื้อต่อเนื่องจากการขายหุ้น MORE และ MORE-R ใน บล. 2 แห่ง มูลค่าราว 444 ล้านบาท รวมถึงบัญชีของผู้เกี่ยวข้อง รวม 34 รายการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 5,376 ล้านบาท ดังนี้
- บัญชีใน บล.ไอร่า ของนายอภิมุข มูลค่า 405,644,346 บาท
- บัญชีใน บล.ไอร่า ของนายชิติพัทธ์ กล่อมจิตเจริญ มูลค่า 8,100,000 บาท
- บัญชีใน บล.เอเอสแอล ของนายวสันต์ จาวลา มูลค่า 78,000,000 บาท
- บัญชีใน บล.เอเอสแอล ของนายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล มูลค่า 369,800,014 บาท
- บัญชีใน บล.เอเอสแอล ของนายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา มูลค่า 195,000,000 บาท
- บัญชีใน บล.เอเชียเวลท์ ของนายวสันต์ จาวลา มูลค่า 55,100,000 บาท
- บัญชีใน บล.เอเชียเวลท์ ของนายประยูร อัสสกาญจน์ มูลค่า 145,000,000 บาท
- บัญชีใน บล.เอเชียเวลท์ ของนายธรรมนูญ เวชวิทยาขลัง มูลค่า 11,600,000 บาท
- บัญชีใน บล.บัวหลวง ของนายอภิชาติ บำรุงวงศ์ มูลค่า 15,359,480 บาท
- บัญชีใน บล.บัวหลวง ของนายอธิภัทร พรประภา มูลค่า 676,760,540 บาท
- บัญชีใน บล.บัวหลวง ของนายชิติพัทธ์ กล่อมจิตเจริญ มูลค่า 9,511,892 บาท
- บัญชีใน บล.บัวหลวง ของนายไพศาล เกษมศิรินาวิน มูลค่า 6,120,000 บาท
- บัญชีใน บล.บัวหลวง ของนายธนยุทธ ฤกษ์รักษา มูลค่า 2,788,930 บาท
- บัญชีใน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ของนางสาวจิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ มูลค่า 183,029,978 บาท
- บัญชีใน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ของนายสมนึก กยาวัฒนกิจ มูลค่า 2,900,000 บาท
- บัญชีใน บล.ดีบีเอส วืคเคอร์ส ของบริษัทตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด มูลค่า 102,587,100 บาท
- บัญชีใน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ของนายปริญญา ปริญญานุสสรณ์ มูลค่า 156,932,198 บาท
- บัญชีใน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ของนายกัลพล ปริญญานุสสรณ์ มูลค่า 19,500,000 บาท
- บัญชีใน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ของนางสาวอรเก้า ไกยสิทธิ์ มูลค่า 432,914,420 บาท
- บัญชีใน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ของนายเอกภัทร พรประภา มูลค่า 1,808,720,107 บาท
- บัญชีใน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ของนางอรพินธุ์ พรประภา มูลค่า 122,939,700 บาท
- บัญชีใน บล.อินโนวเสท์ เอกซ์ ของนายเกรียงศักดิ์ วงศ์โอสถพานิช มูลค่า 7,404,000 บาท
- บัญชีใน บล.กสิกรไทย ของนายมั่นคง เสถียรถิระกุล มูลค่า 146,279,945 บาท
- บัญชีใน บล.กสิกรไทย ของนายพิเชษฐ์ ผลสุวรรณ มูลค่า 5,220,000 บาท
- บัญชีใน บล.กสิกรไทย ของนายเกรียงศักดิ์ วงศ์โอสถพานิช มูลค่า185,500,250 บาท
- บัญชีใน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ของนายมั่นคง เสถียรถิระกุล 151,800 บาท
- บัญชีใน บล.คิงส์ฟอร์ด ของนายอิทธิวรรธณ์ วรรณะเอี่ยมพิกุล มูลค่า 131,940,000 บาท
- บัญชีใน บล.คิงส์ฟอร์ด ของนายภัทร ฉัตรเจริญสุข มูลค่า 2,693,196 บาท
- บัญชีใน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ของบริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด มูลค่า 27,777,000 บาท
- บัญชีใน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ของนายสมนึก กยาวัฒนกิจ มูลค่า 14,500,000 บาท
- บัญชีใน บล.จีเอ็ม โอ-แซต คอม ของนายอภิมุข มูลค่า 39,000,000 บาท
- บัญชีใน บล.จีเอ็ม โอ-แซต คอม ของนายวสันต์ จาวลา มูลค่า 26,639,145 บาท
- บัญชีใน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ของนายธรรมนูญ เวชวิทยาขลัง มูลค่า 13,200,066 บาท
- บัญชีใน บล.พาย ของนายธนยุทธ ฤกษ์รักษา มูลค่า 7,283,856 บาท