นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ปล่อยคลิปทวงหนี้ 40,000 ล้านบาทกับกทม.นั้น ว่า กทม.ไม่มีเจตนาชะลอการชำระหนี้ แต่มีเหตุผลที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากส่วนต่อขยาย 1 คือ ช่วงสถานีอ่อนนุช-สถานีแบริ่ง และช่วงสถานีตากสิน-สถานีบางหว้า มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 11 เม.ย.62 ให้ตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการให้ไปเจรจากับเอกชนเรื่องภาระค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 ตั้งแต่เดือน พ.ค.62 จึงไม่สามารถจ่ายได้ อีกทั้งมูลค่าหนี้อยู่ระหว่างให้บริษท กรุงเทพธนาคม (KT) คิดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
สำหรับส่วนต่อขยาย 2 คือ ช่วงสถานีหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ ช่วงสถานีแบริ่ง-สมุทรปราการ เนื่องจากสัญญาส่วนต่อขยายดังกล่าวไม่เป็นไปตามขั้นตอน คือ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร แต่ KT กลับไปเซ็นสัญญาว่าจ้างเอกชนให้ดำเนินการเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.59 ก่อนที่จะมีบันทึกมอบหมายในวันที่ 28 ก.ค.59 ขณะที่ส่วนต่อขยาย 1 ผ่านความเห็นชอบจากสภา กทม.เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ต้องรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและมีมติขยายสัมปทานหรือไม่ หาก ครม.อนุมัติทุกอย่างจะไปเป็นตามสัญญาใหม่ที่เอกชนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ถ้า ครม.ไม่อนุมัติก็เป็นหน้าที่ กทม.ที่จะต้องกลับมาพิจารณาใหม่ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี 2 วิธี ได้แก่ 1.ให้สภา กทม.ให้สัตยาบรรณย้อนหลังสัญญาจ้างเดินรถและสัญญาติดตั้งระบบ และ 2. ถ้าสภา กทม.ไม่ให้สัตยาบรรณ ให้รอคำตัดสินของศาลปกครอง
ด้านนายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า กทม.มีเงินเพียงพอที่จะชำระหนี้ โดยเป็นเงินสะสมของ กทม.ที่มีอยู่ 7 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นได้เตรียมไว้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อมาชำระหนี้ กทม.พร้อมจ่ายเงินทันที แต่กระบวนการไม่พร้อม จึงต้องทำอย่างรอบคอบ
รายงานข่าว แจ้งว่า มูลค่าหนี้ที่เอกชนทวงถามมีจำนวน 4 หมื่นล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) แยกเป็น ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย 1 จำนวน 3,800 ล้านบาท, ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย 2 จำนวน 14,000 ล้านบาท และค่าระบบอาณัติสัญญาณ จำนวน 19,000 บาท